ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
จากเฟสบุ๊ค Prasit Sae Tang
เมื่อชาวนาใจนักเลงพิสูจน์ว่า … พระเจ้ามีอยู่จริงหรือ?
ใครกล้าบังอาจที่จะมาพิสูจน์พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด!?
แต่เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดในชีวิตคนธรรมดาสามัญคนหนึ่งในยุคปัจจุบัน เป็นเรื่องที่ “ชาวนาคนหนึ่ง” ที่มีใจนักเลง เป็นมือปืนในซุ้มมือปืนแห่งหนึ่งในนครปฐม ที่กำลังหมดทางออก พบทางตัน สิ้นทางสู้ในชีวิตประจำวัน เขาร้องออกมาว่า “ถ้าพระเจ้ามีจริง … ขอนกไม่เข้ามาในนาของผม”
เรื่องราวของชายชาวนาคนนี้ปรากฏเรื่องราวในหนังสือชื่อ “ถ้าพระเจ้ามีจริง ขอให้ …” เขียนโดย ศาสนาจารย์ อรัญ ยูแบงก์ มิชชันนารี และ นักประกาศพระกิตติคุณในประเทศไทยมาตลอดชีวิต และการประกาศพระกิตติคุณพระเยซูคริสต์ของมิชชันนารีคนนี้ท่านท้าทายผู้ฟังให้กล้าที่จะ “พิสูจน์” ความมีอยู่จริง และ ความรักเมตตาที่ใส่ใจของพระเจ้าเรื่องราวชีวิตจริงของชาวนาใจนักเลงในซุ้มมือปืนแห่งหนึ่งในนครปฐม อยู่ที่บ้านสามแยก จังหวัดนครปฐม
และนี่คือเรื่องราวชีวิตจริงของนายหอม ผู้กล้าท้าทายพิสูจน์พระเจ้าว่ามีจริงหรือไม่ เขาได้อธิษฐานท้าทายพระเจ้าด้วยเดิมพันข้าวในนาข้าวที่จะใช้เลี้ยงชีวิตครอบครัวของเขาในปีข้างหน้าทั้งปี เขาเปิดชีวิตของเขาให้พระเจ้าพิสูจน์ว่า พระองค์มีอยู่จริงหรือไม่ โดยการอธิษฐานว่า “ถ้าพระเจ้ามีจริง … ขอนกไม่เข้ามากินข้าวในนาของผม”
ศาสนาจารย์ ยูแบงก์ เล่าไว้ว่ามีอยู่วันอาทิตย์หนึ่ง หลังการเทศนา นายหอมเดินออกมาหน้าที่นมัสการพระเจ้าเพื่อถวายชีวิตให้พระเจ้า อาจารย์ยูงแบงก์ถึงกับงง ภายหลัง อาจารย์ยูแบงก์มาถามนายหอมตรงๆว่า “ทำไมถึงตัดสินใจรับเชื่อพระเจ้าเร็วเช่นนี้?” นายหอมตอบว่า “ก็อาจารย์บอกว่า พระเจ้าจะตอบคำอธิษฐาน แล้วมันเป็นจริงอย่างอาจารย์บอก”
เขาเล่าต่อไปว่า “ข้าวในนาของผมเกือบจะสุกแล้วเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ผมออกไปทุ่งนาตอนเช้ามืดไปไล่นกที่เข้ามากินข้าวในทุ่งนาผม ไล่ทีไรนกก็บินขึ้นกลางอากาศและเข้าไปในนาเพื่อนบ้านที่อยู่ข้าง ๆ นาผม แต่เพื่อบ้านผมเขารวยกว่าผม เขามีเครื่องทำเสียงระเบิดเป็นระยะๆ ทำให้นกบินหนี แล้วก็บินกลับมากินข้าวของผมอีกตามเคย”
“ผมไล่ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ในที่สุดมันก็บินกลับมากินข้าวในนาผมอีก ผมไม่มีเวลากลับบ้านกินข้าว ผมเป็นโรคกระเพาะอยู่แล้ว ทำให้ผมปวดท้องรุนแรงมากยิ่งขึ้น”
ผมจำได้ที่อาจารย์เคยบอกว่า พระเจ้าจะตอบคำอธิษฐานที่เราขอต่อพระองค์ ผมจึงพูดออกเสียงดังว่า “ถ้าท่านเป็นพระเจ้าจริง ขอช่วยดูแลทุ่งนา และไม่ให้นกบินลงมากินข้าวในนาผม เพื่อผมจะมีเวลากลับไปกินข้าวเช้าที่บ้าน”
หลังจากนั้นผมกลับบ้านกินข้าว เมื่อเสร็จจากกินข้าวเช้าผมกลับมาที่ทุ่งนาอีกครั้งหนึ่ง ปรากฏว่าไม่มีนกสักตัวในทุ่งนาผม พวกนกอยู่ในนาของคนอื่น เมื่อมีเสียงดังเหมือนระเบิดมันก็บินขึ้นฟ้า แล้วบินมาอยู่เหนือทุ่งนาผมสักพักหนึ่ง แล้วบินกลับไปที่นาอื่นตามเดิมนายหอมยืนยันว่า “พระเจ้าตอบคำอธิษฐานของผมจริง ๆ ผมจึงอยากจะมอบชีวิตให้พระเยซูคริสต์”
ในหนังสือ “ถ้าพระเจ้ามีจริง ขอให้ …” เป็นหนังสือที่เล่าถึงชีวิตจริงของบุคคลต่าง ๆ ในสมัยปัจจุบันที่มาเชื่อพระเจ้า เพราะเขา “พิสูจน์” ได้ว่าพระเจ้ามีจริงในชีวิตของเขา เมื่อเขาคนนั้นเปิดพื้นที่ชีวิตของตนให้พระเจ้าได้พิสูจน์ถึงการมีอยู่จริง และ ให้พระเจ้าทำงานสำแดงความรักเมตตาของพระองค์ผ่านชีวิตจริงของเขาในเวลานั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวิกฤตชีวิตที่กำลังเป็นอยู่ พระเจ้าทรงพิสูจน์ว่า พระองค์มีอยู่จริงด้วยการตอบคำอธิษฐานที่ท้าทายของคนที่มีวิกฤติชีวิตทั้งด้าน ความกลัว, ความรัก, ความปรารถนาต้องการ, ความสงสัย และ ฯลฯ
และการพิสูจน์ความมีอยู่จริงของพระเจ้าแบบนี้เป็นความเชื่อที่หยั่งลงในพระวจนะของพระเจ้าที่ว่า
“เพราะว่าทุกคนที่ขอก็ได้ และทุกคนที่แสวงหาก็พบ ทุกคนที่เคาะก็จะเปิดให้เขา” (มัทธิว 7:8)