โดย ปีเตอร์ ปัญญาชน
นสพ. แบ่งปันความรัก ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ 2011
เมื่อก่อนใครมาบอกผมว่า สักวันจะต้องแก่ … ผมไม่เชื่อและไม่ยอมรับอะไรทั้งสิ้น เพราะคิดอยู่เสมอว่ามันอีกนานแสนนานกว่าจะถึงเรา … คิดไปก็เหมือนในขณะนี้ที่เราพูดเตือนหนุ่มสาวทั้งหลายด้วยประโยคเดียวกัน แต่ … ก็ถูกปฎิเสธที่จะรับฟังอะไรทั้งสิ้นเช่นกัน …
ระยะนี้มีเพื่อน ๆ หลาย ๆ คนมักจะถามผมเสมอว่า พวกเขาใกล้จะเกษียณแล้วจะทำอะไรดี หากอยู่เฉย ๆ โดยไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันคงเหงาและเฉาตายเป็นแน่ … เออ … แบบนี้ก็น่าคุยกันหน่อย เพราะอย่างน้อยผมก็มีประสบการณ์ในเรื่องนี้อยู่บ้าง
ก่อนอื่นต้องยอมรับความจริงว่า ชีวิตนั้น … ไม่ว่าจะรวยล้นฟ้าหรือจนแทบติดดิน มันก็หนีกฎของพระเจ้าไม่ได้ที่ให้มนุษย์นั้น มีเกิด แก่ เจ็บป่วย สมหวังบ้าง ผิดหวังบ้าง แข็งแรงหรืออ่อนแอ แล้วก็จากไป … อยู่นรกหรือสวรรค์! ไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ ทั้งสิ้น ทุกคนเหมือนกันหมด นี่แหละความจริงของ “ชีวิต”
เมื่อย่างเข้าสู่วัยผู้สูงอายุหรือหลังเกษียณก็อยากให้ข้อคิดบางอย่างที่คิดว่าอาจเป็นประโยชน์อยู่บ้าง สิ่งแรกต้องยอมรับความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ดังกล่าวข้างต้นก่อนว่า มันเป็นความจริง มันเป็นเรื่องที่เราทุกคนต้องผจญกับมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน เมื่อเรายอมรับในสิ่งเหล่านี้แล้ว การมองโลกก็จะเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างแน่นอน มองความผิดหวัง เจ็บป่วย อายุขัยมันก็แบบนี้นี่เอง ยอมรับมันอย่างความเป็นจริง ไม่ใช่ความเพ้อฝัน
อายุมากขึ้นการทำงานหลายสิ่งหลายอย่างก็เปลี่ยนไป เรี่ยวแรงเริ่มลดลง ความคิด สมองก็ช้ากว่าเดิม เราก็ต้องคิดในแง่บวกว่า มันก็เป็นของมันแบบนี้แหละ ร่างกาย จิตใจ สมอง เราได้ใช้ไปมากมายเหลือคณานับจากวัยเด็ก วัยหนุ่ม จนถึงทุกวันนี้ มันย่อมเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา ความจริงคนสูงอายุมักจะขี้ลืม แต่ .. หากมองในแง่ดีก็จะพบว่า พระเจ้าได้สร้างไว้ดีแล้ว คนเราอายุมากขึ้นมีเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตให้จดจำ หากเรามีความจำน้อยลงก็ปวดหัวน้อยลงไม่ต้องไปคิดไปจดจำมากเรื่องมากราว .. จริงไหมครับ?
อะไรที่เป็นความสุข อะไรที่เราเคยใฝ่ฝันในยามเด็ก อยากจะทำแต่ไม่ได้ทำหรือไม่มีโอกาสได้ทำก็เริ่มทำได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เช่น ชอบอ่าน ชอบเขียน ชอบทำสวน เป็นต้น หรืออยากไปเที่ยวที่ไหนสักแห่งเป็นที่เราไม่เคยไป เราก็สามารถไปได้ในยามนี้ และต้องรีบ ๆ ตัดสินใจก่อนที่เราจะแก่กว่านี้ที่สังขารไม่อำนวยให้สำหรับการเดินทาง นั่นก็เป็นเพียงความฝัน อย่ารอคอยนานเกินไปจนกระทั่งเดินไม่ไหวแล้วกลับมาเสียใจอีกครั้ง … อยากไปไหนก็ไปโลด … เพราะไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในแต่ละวัน
ความจริงอีกอย่างก็คือ การที่เราสามารถผ่านการเดินทางมายาวไกลจนใกล้จนเส้นชัยแล้วนั้นย่อมได้เปรียบกว่าคนอื่น ๆ ที่ยังไม่มีโอกาสอย่างเรา บางคนยังไม่ทันได้เดินหรือเดินได้เพียงระยะสั้น ๆ ก็จากไปเสียแล้ว นั่นก็ อนิจจัง อนิจจัง!!
เงิน ทรัพย์สิน เชื่อไหมว่าที่เรามีหรือเก็บไว้นั้น จะเป็นของเราเพียงไม่ถึงครึ่งหนึ่งเท่านั้น หากมีเงินก็หัดใช้บ้างเพื่อเป็นรางวัลแก่ตัวเอง อย่าได้เก็บแช่ไว้ในแบงก์เพราะเราจะไม่มีโอกาสได้ใช้มันหากเราจากโลกนี้ไป มันเป็นของโลกนี้ พระเจ้าให้เรายืมใช้ระยะสั้น ๆ ในช่วงเดินทางจากจุดเริ่มต้นจนถึงบั้นปลายสู่ทางของพระเจ้าที่จัดไว้ให้เท่านั้น หลังจากนั้นพระเจ้าก็สับเปลี่ยนไปให้คนอื่นหรือของโลกใช้ต่อไป
อยากกินอะไรก็กิน หากมันไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและมันเป็นความสุขกับการกินในสิ่งที่ปรารถนา แต่ .. ก็อย่าลืมมีเพื่อนสนิทไว้บ้างสำหรับการสามัคคีธรรม เช่น เพื่อนนักเรียน เพื่อนที่คริสตจักร อย่าได้อยู่อย่างโดดเดี่ยวทิ้งเพื่อนทิ้งฝูงเป็นอันขาด เพราะนั่นเป็นกำไรชีวิตที่มีเพื่อนร่วมคิดร่วมสนทนา และหาโอกาสแบ่งปันความรู้ความประสบการณ์แก่คนรุ่นต่อ ๆ ไปทั้งในด้านภูมิปัญญาชาวบ้าน วัฒนธรรมท้องถิ่น หรือด้านประวัติศาสตร์ เป็นต้น
อย่ากังวลใด ๆ ได้ก็จะดีเยี่ยมทีเดียว ลูกหลานก็ไม่ต้องไปเป็นห่วงเป็นใยอะไรในยามนี้ เพราะอย่างน้อยเราก็ได้ทำหน้าที่ของเราอย่างดีแล้ว เด็ก ๆ ก็มีวิถีมีชะตาชีวิตของเขาเอง เราเลี้ยงได้แต่ตัวส่วนจิตใจนั้นเป็นของเขาเอง พระเจ้าก็เคยสอนไว้หลาย ๆ ครั้งว่า “อย่ากังวล”
“อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดใดเลย แต่จงทูลเรื่องความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้า ด้วยการอธิษฐาน การวิงวอน กับการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขแห่งพระเจ้าซึ่งเกินเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์” (ฟีลิปปี 4:6-7)
ทำจิตใจให้ผ่องใส มองทุกอย่างรอบข้างในด้านดี ต้นไม้ใบหญ้ามันก็มีส่วนสวยงามไม่ว่าในหน้าร้อนสีใบเหลืองแดงไหม้เหี่ยวแห้ง หรือหน้าหนาวจนหิมะจับจนมองแทบไม่เห็นใบที่สดใส เหลือเพียงลำต้นที่สุดเหงาโดดเดี่ยวไร้ใบ อย่างไรก็ตามความงามย่อมอยู่ที่มุมมองของเราเอง
ยามเจ็บป่วยทางร่างกายก็ยกภาระให้หมอช่วยรักษา ส่วนเรื่องจิตวิญญาณขอให้พระเจ้าเป็นผู้ดูแล เราเพียงแต่ควบคุมสติ อารมณ์ จิตใจ ความคิด ให้อยู่ในแง่ดีเท่านั้น ยอมรับทุกอย่างที่เกิดขึ้นตามสังขารของมัน โดยไม่มีความกลัวใด ๆ เลย รับได้ทุกอย่าง
อย่ากลัวเลย … อาจารย์เปาโลเคยผจญกับความกลัวความกังวลเหมือนกัน ถึงได้สอนเราไว้ในพระคัมภีร์ “ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า” (ฟีลิปปี 4:23)
แต่ … หากว่า การกังวลทำให้ท่านมีความสุข ทำให้อายุยืดยาวต่อไปได้ ก็ไม่ว่ากันเนอะ!!!