
Facebook : Nati Khoochotikul
Link ข้อความ : Facebook
เมื่อใดก็ตามที่มีคนเทศนาว่า ถ้าคุณเจอสถานการณ์ที่แย่ในชีวิต หรือปัญหาในชีวิต หรือความต้องการที่จะมีชีวิต สุขภาพ การเงิน หรืออะไรก็ตามแต่ให้ดีกว่าที่มี จากนั้นมีการสอนให้
- สั่งไปเลย ในนามพระเจ้า ว่าฉันต้องดีกว่านี้ ต้องรวยกว่านี้ ต้องสุขภาพดี : คำขอเน้นชีวิตฝ่ายโลก
- อ้างพระสัญญาในพระคัมภีร์ และเน้นว่าพระเจ้าต้องทำแบบนั้นแบบนี้ให้ฉัน : คำขอที่กดคอพระเจ้าให้ต้องทำตามใจเราเท่านั้น
- เชื่อแบบไม่กลั่นกรอง คิดว่าฉันต้องได้แบบนี้แน่นอน เพราะฉันสั่งสถานการณ์ไปแล้วโดยออกพระนามพระเจ้า และพระเจ้าต้องให้แบบนั้น : คำขอที่เน้นการสั่งสถานการณ์ ไม่ได้เน้นที่ “ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์” เหมือนกับคำอธิษฐานของพระเยซู
เมื่อใดก็ตามที่มนุษย์คิดว่าเขาสามารถสั่งสถานการณ์ในนามพระเจ้าได้เพราะเขาสามารถก้าวข้ามหลักการที่ว่า “อำนาจอธิปไตยของพระเจ้า” ด้วยการสั่งให้พระเจ้าทำโน่นทำนี่ราวกับว่าพระเจ้าเป็น “ยักษ์ในตะเกียงวิเศษ” ที่เมื่อจะเอาอะไรก็แค่ขัดตะเกียง
กลายเป็นว่าการสั่งแบบนั้นมีน้ำหนักว่ากว่าน้ำพระทัยของพระเจ้า?
นี่แหละ word of faith : สั่งพระเจ้าให้ทำตามใจหวัง สั่งด้วยความเชื่อ และพระเจ้าต้องทำตาม สั่งแล้วด้วยความเชื่อจะได้ทุกอย่าง โดยไม่ต้องสนใจน้ำพระทัยตามพระคัมภีร์
พระเจ้ามีน้ำพระทัยอันดีต่อเรา และเราสามารถทูลขอตามพระวจนะพระเจ้า แต่เราไม่มีสิทธิไปสั่งพระเจ้าให้ทำนั่นทำนี่ให้เรา
มนุษย์ไม่ได้เท่าเทียมกับพระเจ้า เขาต้องทูลขออย่างถ่อมใจ ไม่ใช่บังคับเอา พระเจ้าไม่เคยอยู่ในสถานะ “ต่างตอบแทนผิดปกติ” (hyper-retribution) กับคุณ
คำสอนแบบนี้ดูยากนิดนึง เพราะมันมักมาเนียน ๆ ถ้าฟังไปโดยไม่จับให้มั่นคั้นให้ตาย คนฟังจะเคลิ้มมาก เพราะมันดูดีไปหมด … เรามีอำนาจจากคำสั่งที่พูดออกมา! แค่สั่งด้วยความเชื่อ มันต้องได้! มันต้องได้! มันต้องได้! Kรูต้องได้สิ va!
ใครมันบังอาจสั่งพระเจ้าขนาดนั้น! ทำไม? พระสัญญามันมีไว้เพื่อกดคอพระเจ้าให้ทำเพื่อเราหรือ? เราไม่ต้องเคารพนอบน้อมต่อพระเจ้าหรือ? เรากำลังทำตัวเป็นพระเจ้าหรือ? แค่มีความเชื่อก็มาชี้นิ้วสั่งพระเจ้าหรือ?
เนติ เขียนให้คุณอ่าน
ว่าง ๆ จะมาเขียนต่อเรื่อง seed of faith