Facebook : Nati Khoochotikul
Link ข้อความ : Facebook
ทำไม word of faith และ seed of faith จึงสามารถหลอกคนไปหลงงมงายในคำสอนแบบนั้นได้มากมายจนกลายเป็นการตลาดของคริสตจักรสอนผิดไปได้?
Nati Khoochotikul
ตอบแบบง่าย ๆ และเป็นกันเองเลยนะครับ มีอย่างน้อย 2 เหตุผลที่ทำให้ ทั้ง word of faith และ seed of faith ขายดิบขายดี หลอกเงินคนได้อย่างมหาศาล (ไม่นับรวมเหตุผลเรื่องที่คนไม่ศึกษาพระคัมภีร์อย่างจริงจัง)
1. ทั้ง word of faith และ seed of faith เป็นคำสอนที่ตอบสนองกับ ความโลภของคน
คนที่สอนแบบนี้มักจะมีลักษณะบางอย่าง หรือทุกอย่างที่ผมจะเขียนต่อไปนี้
นักเทศน์ที่รู้ว่าสมาชิกชอบฟังเรื่องที่เขาสบายใจ เขาจับจิตวิทยา หรือลักษณะบางอย่างในตัวคนฟังได้ว่าชอบฟังอะไร ไม่อยากฟังอะไร ดังนั้น เขาจึงประเคนคำเทศแบบที่คุณฟังแล้วสบายใจให้กับคุณ เรื่องความบาป เรื่องกลับใจใหม่ เรื่องพระกิตติคุณจริง ๆ เรื่องการพิพากษาลงโทษ ฯลฯ หรือเรื่องพระคัมภีร์จริง ๆ เขาจะไม่เทศนา แต่เขาจะเลือกบางเรื่องที่คนฟังชอบใจ เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เรื่องรับพระพรแบบ non-stop มาเทศนาให้คุณฟังจนเคลิ้มกันไปข้างหนึ่งเลยทีเดียว
ว่าที่จริง อ.เปาโลเคยเตือนเรื่องนี้เอาไว้แล้วว่านักเทศน์ในยุคหลังมันจะเทศนาแบบสนองความอยากคนฟัง แต่ไม่สนใจความจริงของพระวจนะ ที่เรียกตามฉบับแปลพระคัมภีร์ปี 2011 ว่า “เรื่องคันหู” นั่นหละครับ (ดู 2 ทธ.4:1-5)
เรื่องอะไรมันจะไปสำคัญกว่าเรื่องปากท้อง และการทำมาหากินหละครับ ในยุคที่ข้าวยากหมากแพง น้ำมันราคาไม่ลด อาหารหมูราคาไม่ลง คนก็สนใจเรื่องเงินเรื่องทองอยู่แล้ว ทำอย่างไรเพื่อจะรวยได้หละ นักเทศน์พวกนี้ก็จะเอาเรื่องแนะช่องทางรวยมาผสมกับเรื่องพระเจ้า กลายเป็นคำสอนที่เรียกร้องให้ถวายมาก ๆ เพื่อแลกกับพระพรที่จะได้รับแบบสุดลิ่มทิ่มประตูกันไปเลยทีเดียว
อยากจะบอกว่าการสอนเรื่อง word of faith และ seed of faith ทำให้พระเจ้ากลายเป็น “เจ้ามือหวยใต้ดิน” หรือ “เจ้าของบ่อนการพนัน” หรือ “แชร์ลูกโซ่” ขึ้นมาเลยทีเดียว เพราะผลประโยชน์มันมหาศาลมากเพียงแค่ถวายให้มากก็ได้ผลมากกว่าเป็นร้อยเท่า แต่ความจริง คือ พี่น้องที่รัก ผลประโยชน์แบบทางลัดเช่นว่านั้นมีเพียงการทำผิดกฎหมายเท่านั้นที่จะได้มันมา นั่นไม่ใช่ประสบการณ์ที่พระเจ้ามอบให้กับทุกคน บางคนที่ทนทุกข์เพื่อพระเจ้า นั่นแปลว่าเพราะเขาไม่เชื่อใน word of faith และ seed of faith ใช่ไหม? ถ้า 2-3 วันนี้ตามอ่านที่ผมเขียน ก็จะสรุปได้เลยว่า การอวยพรของพระเจ้ามีหลายทาง ไม่ใช่แค่การถวายอย่างเดียว การอวยพรเป็นสิทธิเด็ดขาดของพระเจ้า ไม่ใช่การบังคับให้พระองค์ส่งพระพรลงมา และ seed of faith มันเป็นคำสอนหลอกลวงให้คนถวายแบบไม่ลืมหูลืมตา
นักเทศน์รวย แต่คนที่แข้งขาต้องอ่อนระทวย คือ คนถวาย เพราะไม่รวยซักที!
กลับไปศึกษาพระคัมภีร์ และเลือกคริสตจักรที่สอนพระวจนะจริง ๆ เถอะครับ
คิดกันเล่น ๆ ว่า ถ้า word of faith และ seed of faith เป็นคำสอนที่มีอยู่จริง เช่นนั้นแล้ว พระคัมภีร์สุภาษิตทั้งเล่มที่สอนให้ผู้เชื่อในพระเจ้าขยันทำงาน หาเงิน เก็บออม และใช้จ่ายในทางที่ถูกต้องจะมีไว้ทำไม ถ้าอย่างนั้น เราเอากรรไกรตัดพระคัมภีร์สุภาษิตออกไปเลยจะไม่ดีกว่าหรือ เราจะเห็นได้เลยว่าทั้ง word of faith และ seed of faith มันทำให้คนหมกมุ่นกับการรวยทางลัดโดยใช้พระเจ้าเป็นเครื่องมือสนองความอยากเท่านั้นเอง
2. ทั้ง word of faith และ seed of faith เป็นคำสอนที่ตอบสนอง บาปของมนุษย์
คือ เขาได้ยกระดับตัวเองขึ้นมาอยู่ในแนวระนาบเดียวกับพระเจ้า ถ้าจะให้ถูกต้อง คือ คำสอนแบบนี้มันทำให้คนฟังรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะมีอำนาจมากขึ้น ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงไม่ใช่เช่นนั้น
คำสอนของพระคัมภีร์ คือ เราที่เป็นมนุษย์นั้นอยู่ต่ำกว่าพระเจ้า เราเป็นผู้ถูกสร้าง ไม่ใช่พระเจ้าพระผู้สร้าง ดังนั้น เราต้องถ่อมใจต่อพระพักตร์พระองค์
แต่คำสอน word of faith และ seed of faith นั้นต่างกัน เพราะเพียงแค่เอ่ยปากออกมา พระเจ้าก็ต้องทำตามพระสัญญา พระเจ้าก็ต้องมาทำนั่นทำนี่ให้ เมื่อลงทุนกับการถวายไปแล้ว พระเจ้าก็ต้องอวยพรร้อยเท่า ต้องได้นั่นได้นี่มากมาย กลายเป็นว่า แทนที่มนุษย์จะอยู่ต่ำกว่าพระเจ้าเหมือนคำสอนจริง ๆ ในพระคัมภีร์ แต่มนุษย์ในคำสอน word of faith และ seed of faith ก็จะสามารถยกระดับตัวเองขึ้นมาต่อรองกับพระเจ้าได้ เขาสามารถได้นั่นได้นี่จากพระเจ้าราวกับ “สัญญาต่างตอบแทน” ที่พระเจ้าต้องตอบแทนต่อมนุษย์ตามเงื่อนไข นี่คือความวิปริตของคำสอนนี้ คือ ยกสถานภาพตัวเองให้ขึ้นมาเท่าเทียมกับพระเจ้า
เขียนมาถึงตรงนี้ ทำให้คิดถึงเรื่องเอวาที่ไปฟังงูพูดในสวนเอเดนขึ้นมาทันที สตรีนางหนึ่งที่หวังผลประโยชน์จากทางลัดในการกินผลไม้ที่พระเจ้าห้ามไว้ เพียงเพื่อได้สติปัญญาที่ทัดเทียมกับพระเจ้า และการเป็นเหมือนพระเจ้า … ก็ไม่แปลกใจอะไรเลยหากมนุษย์จะพลาดในเรื่องเดิม ๆ
นี่ก็ยังไม่จบ series นี้ง่าย ๆ แน่นอน เพราะยังไปไม่ถึงเรื่องสายสุขภาพเลย
นักเทศน์ที่สอน word of faith กับ seed of faith อาจจะอยากบอกกับผม และท่านผู้อ่านทุกท่านก็ได้ว่า “ถ้าไม่สอนเรื่องนี้ แล้วจะเอาอะไรกิน” ก็เป็นไปได้ 55555555
เนติ เขียนให้คุณอ่าน