เอเสเคียล 37
ศจ.ดร.วิเชียร วัฒกีเจริญ
ชนชาติอิสราเอลเป็นประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกไว้สำหรับพระองค์เอง พระองค์ปรารถนาที่จะอวยพรทั้งฝ่ายวัตถุ ทรัพย์สิ่งของ พืชผักธัญญาหารอย่างอุดมสมบูรณ์ และฝ่ายจิตวิญญาณที่จะเป็นพยานและถวายพระสิริแด่พระเจ้า โดยชนชาติอิสราเอลจะเป็นแบบอย่างและนำประชาชาติทั้งหลายมาถึงการรู้จักพระเจ้า แต่แล้วชนชาติอิสราเอลทำให้พระเจ้าทรงเสียพระทัยมาก พวกเขาเลียนแบบคนต่างชาติ ไปกราบไหว้รูปเคารพและที่ร้ายกาจที่สุดคือ พระเจ้าตรัสว่า “เราทนต่อบาปชั่ว และการประชุมตามพิธีไม่ได้อีก” (อิสยาห์ 1:13) เหมือนที่เขากล่าวว่า ด้านหนึ่งถืออด ประชุมตามพิธี อีกด้านหนึ่งก่อกรรมทำชั่ว ชนชาติอิสราเอลปันใจให้กับรูปเคารพ และดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของชาวโลก ในที่สุดตามที่โมเสสได้เขียนไว้ว่า “เพราะเขาเป็นพงศ์พันธุ์ที่เฉไฉ เป็นลูกเต้าที่ไม่มีความซื่อสัตย์ … เราจะสุมสิ่งร้ายไว้กับเขาทั้งหลาย และปล่อยลูกธนูของเรายิงเขา เราจะให้เขากระจัดกระจายไป เราจะให้ชื่อของเขาสูญไปจากความทรงจำของมนุษย์ เพราะเขาเป็นชนชาติที่ไม่ยอมฟังคำปรึกษา ในพวกเขาไม่มีความเข้าใจ’’ เฉลยธรรมบัญญัติ 32:15-28
ดังนั้น ความบาปผิดที่ชนชาติอิสราเอลได้ก่อไว้เป็นเหตุทำให้พวกเขาถูกเนรเทศและกระจัดกระจายสิ้นชาติบ้านเมืองครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขาเหมือนซากศพที่เหลือแต่กระดูกแห้งประเทศต่างๆ ที่เขาหนีไปอยู่เหมือนหลุมฝังศพที่ได้ฝังเขาไว้ ในเมื่อเป็นกระดูกแบบนี้แล้ว ยังจะมีความหวังอะไรกระดูกแห้งเหล่านี้
แต่พระเจ้าให้เอเสเคียลเห็นนิมิตและสั่งให้เผยพระวจนะ และประทานความหวังใจให้ ทำให้เอเสเคียลเห็นว่าแม้จะเป็นกระดูกแห้ง แต่เมื่อพระเจ้าทรงให้อภัยและประทานชีวิตให้อีก พวกเขาก็จะฟื้นชีพและได้ชีวิตและกลายเป็นกองทัพที่ยิ่งใหญ่แห่งพระเจ้าได้
เราจะเรียนรู้พระสัญญาของพระเจ้าที่มีต่ออิสราเอลพร้อมทั้งดูประวัติย่อๆ ในเหตุการณ์ที่ผ่านมาเพื่อเป็นบทเรียนที่แพงในการสอนใจ
เนื้อหาสาระในพระคัมภีร์ 4 ใน 5 เป็นการกล่าวถึงประวัติศาสตร์ของชนชาติอิสราเอล เช่นปฐมกาลใช้ 11 บทแรกเป็นการกล่าวถึงการทรงสร้างและความเป็นมาของมนุษย์ และใช้ 39 บทในการกล่าวถึงเรื่องราวของอับราฮัมและเชื้อสายของท่าน ศูนย์รวมของคำพยากรณ์ทั้งหลายอยู่ที่ประเทศอิสราเอล อิสราเอลเปรียบเหมือนกุญแจไขปริศนาทั้งหลาย
ประเทศที่เก่าแก่นี้มีอิทธิพลต่อความเจริญรุ่งเรืองของโลกและในที่สุด เธอจะเป็นชนวนนำไปสู่สงครามอามาเกดดอนที่ยิ่งใหญ่และเป็นศูนย์กลางแห่งพันปียูบีดี้ของการครอบครองของพระคริสต์ มีความสงสัยว่า ชาวยิวปฏิเสธพระเยซูคริสต์และพวกเขายังเป็นประชากรที่ถูกเลือกสรรของพระเจ้าหรือไม่ โรม 11:25-26 อาจารย์เปาโลเขียนว่า “พี่น้องที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้าเกรงว่าท่านจะอวดรู้ จึงอยากให้ท่านเข้าใจข้อความล้ำลึกนี้ คือเรื่องที่บางคนในพวกอิสราเอลมีใจแข็งกระด้างไป จนทำให้พวกต่างชาติได้เข้ามาครบจำนวนและเมื่อเป็นดังนั้น พวกอิสราเอลทั้งปวงก็จะได้รับความรอดตามที่มีคำเขียนไว้ว่า “พระผู้ช่วยให้รอดจะเสด็จมาจากเมืองซีโยน และทรงกำจัดอธรรมให้สูญสิ้นไปจากยาโคบ และนี่และจะเป็นพันธสัญญาของเรากับเขาทั้งหลาย เมื่อเขายกโทษบาปของเขา”” ดังนั้นเราจึงมั่นใจว่า ในวาระสุดท้ายของชาวยิวทุกคนจะกลับใจและรอดทั้งหมด
1. พระเจ้าสัญญา 3 เรื่องกับอับราฮัม ปฐมกาล 12:1-3
1.1 สำหรับอับราฮัมเอง ข้อ 2 “เราจะให้เจ้าเป็นชนชาติใหญ่ เราจะอวยพรแก่เจ้า จะให้เจ้ามีชื่อเสียงใหญ่โตเลื่องลือไป แล้วเจ้าจะช่วยให้ผู้อื่นได้รับพระพร”
1.2 เราจะให้เจ้าเป็นชนชาติใหญ่ เชื่อสายของอิสอัค ปฐมกาล 21:12 และเชื้อสายของยาโคบอยู่ที่ ปฐมกาล 25:23
1.3 พระพรสำหรับโลก ข้อ 3 “เราจะอำนวยพรแก่คนที่อวยพรเจ้า เราจะสาปแช่งคนที่แช่งเจ้า บรรดาเผ่าพันธุ์ทั่วโลกจะได้รับพระพรเพราะเจ้า” ประวัติศาสตร์ได้สำแดงให้เราเห็นชัดแล้วว่า บรรดาผู้ที่ข่มเหงรังแกชาวยิวพระเจ้าทรงทำลายพวกเขาจนหมดสิ้น เราดูได้ตั้งแต่ประเทศอียิปต์ บาบิโลน กรีก โรม นาซี และในอนาคตจะเป็นใคร..ก็ให้จับตาดู อิสราเอลนำพระพรอันยิ่งใหญ่มาสู่โลกโดยพระเยซูคริสต์ทรงมาบังเกิด ความรอด และความหวังนิรันดร์จึงเกิดขึ้น
2. ทำไมพระเจ้าทรงเลือกชาวยิว
2.1 ไม่มีข้อแม้ไดๆ ล้วนเป็นพระคุณพระเจ้า
- – พระเจ้าทรงเลือกอับราฮัม ไม่ทรงเลือกคนอื่น
- – พระเจ้าทรงเลือกอิสอัค ไม่ทรงเลือกอิชมาเอล
- – พระเจ้าทรงเลือกยาโคบ ไม่ทรงเลือกเอชาว
โรม 9:14-15 “ถ้าเช่นนั้นว่าอย่างไร พระเจ้าไม่ทรงยุติธรรมหรือมิใช่เช่นนั้น เพราะพระองค์ตรัสแก่โมเสสว่า เราประสงค์จะกรุณาผู้ใด เราก็จะกรุณาผู้นั้น และเราจะเมตตาใคร เราก็จะเมตตาผู้นั้น”
2.2 พระเมสสิยาห์มาบังเกิดในท่ามกลางเขา
ประเทศอิสราเอลตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางของแผ่นดินโลก เชื่อมโยง 3 ทวีปใหญ่ ๆ คือเอเชีย ยุโรป และอัฟริกา เป็นทวีปที่มีประชากรมากที่สุด ปฐมากาล 22:18 และยอห์น 4:22
2.3 เพื่อที่จะเขียนพระคัมภีร์จนสำเร็จ
และสามารถเก็บรักษาไว้ พระเจ้าทรงใช้รับบีของชาวยิว เพราะพวกเขาเรียนกฏบัญญัติของพระเจ้า เขาเหล่านั้นดำเนินชีวิตด้วยความยำเกรงพระเจ้า เมื่อเขาเขียนหรือบันทึกข้อความของพระเจ้าแล้ว เขาจะเก็บรักษาอย่างดี สดุดี 147:19 -20 และโรม 3:1-2
2.4 เพื่อเผยแพร่พระวจนะของพระเจ้า
อพยพ 4:22,อิสยาห์ 42:11-12 และมัทธิว 23:15 ชาวยิวได้เผยแพร่ข่าวสารของพระเจ้า เริ่มตั้งแต่สมัยอับราฮัมและลูกของท่านจนถึงสมัยกษัตริย์ดาวิด และโซโลมอนเป็นยุคที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในสมัยที่ตกเป็นเชลย ไม่ว่าจะเป็นอัสซีเรีย บาบิโลนหรือเปอร์เซีย จนกระทั่งชาวยิวจะเผยข่าวสารของพระเจ้าอย่างเปิดเผย
3. ให้เราดูเหตุการณ์ที่อัศจรรย์ซึ่งเกิดกับชนชาติยิว และตรวจสอบดูว่ามีชนชาติไหนบ้างที่ทรหดเหมือนชนชาตินี้
- เป็นทาสอยู่ที่อียิปต์ 400 ปี อยู่ในท่ามกลางรูปเคารพและเทวรูป ผ่านชีวิตที่ลำเค็ญทุกข์ยากลำบาก
- สองครั้งสองคราวถูกจับไปเป็นเชลย แผ่นดินล่มสลาย ครั้งแรกเป็นเชลยที่บาบิโลนก่อน ค.ศ.586 ครั้งที่สอง ค.ศ.77 นายพลทีตัสของกองทัพโรมัมเข้ายึดครองกรุงเยรูซาเลมถูกทำลายจน “ศิลาที่ซ้อนทับกันอยู่ที่นี่ซึ่งจะไม่ถูกทำลายลงก็ไม่มี”มัทธิว 24:3 แล้วกรุงเยรูเล็มถูกตั้งชื่อใหม่เรียกว่า “Aelia Capitolina”
- ค.ศ.70 จนถึงสงครามโลกครั้งที่สอง ชาวยิวถูกสังหารถึง 6 ล้านคน ชาวยิวเป็นชนชาติที่ไม่มีแผ่นดินจนกระทั่ง ค.ศ. 1948
- การต่อต้านชาวยิวจึงกลายเป็นคำเฉพาะ ประเทศอิหร่านเสนอให้ลบชนชาติอิสราเอลออกจากแผ่นดินโลก เอเสเคียล 25:15 พระเจ้าตรัสว่า “เพราะว่าคนฟีลิเตียได้กระทำอย่างเคียดแค้น และทำการแก้แค้นด้วยใจคิดร้ายหมายทำลายโดยความเป็นศัตรูอันไม่รู้จักจบสิ้นนั้นเสีย” พวกอาหรับรวมหัวกันที่จะลบอิสราเอลออกไปจากแผ่นดินโลก ถึงกระนั้นพระเจ้าก็ทรงรักษาไว้
4. คำพยากรณ์เกี่ยวกับการล่มสลายของแผ่นดินอิสราเอล
- 4.1 การถูกกระจัดกระจายครั้งแรกจนถึงเป็นเชลยที่บาบิโลน เฉลยธรรมบัญญัติ 28:47-48 “เพราะท่านมิได้ปรนนิบัติพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านด้วยความร่าเริงและใจยินดี เพราะเหตุมีสิ่งสารพัดบริบูรณ์เพราะฉะนั้นท่านจึงต้องปรนนิบัติศัตรูของท่าน ซึ่งพระเจ้าทรงใช้มาต่อสู้ท่านด้วยความหิวและกระหาย เปลือยกายและขัดสนทุกอย่าง และพระองค์ทรงวางแอกเหล็กบนคอของท่านจนกว่าพระองค์จะทำลายเสียสิ้น ”(เป็นคำพยากรณ์ของโมเสส) เยเรมีห์ 29:10-11 “เพราะพระเจ้าตรัสว่า เมื่อเจ็ดสิบปีแห่งบาบิโลนครบแล้วเราจะเยี่ยมเยียนเจ้า และจะให้คำสัญญาของเราสำเร็จ เพื่อเจ้าและจะนำเจ้ามาสู่สถานที่นี้ พระเจ้าตรัสว่าเพราะเรารู้แผนงานที่เรามีไว้สำหรับเจ้า เป็นแผนงานเพื่อสวัสดิภาพ ไม่ใช่เพื่อทุกขภาพ เพื่อจะให้อนาคตและความหวังใจแก่เจ้า” คำพยากรณ์นี้สำเร็จในปีก่อน ค.ศ. 586 ประเทศอิสราเอลถูกบาบิโลนทำลายจนหมดสิ้น
- 4.2 การกลับมาสู่แผ่นดินแม่ครั้งแรก เรื่องนี้ได้พยากรณ์ไว้ล่วงหน้า 200 ปี อิสยาห์44:28 และ 45:6 “ผู้เผยพระวจนะกล่าวถึงไซรัสว่า เขาเป็นเมษบาลของเราและเขาจะให้ความมุ่งหมายทั้งสิ้นของเราสำเร็จ กล่าวถึงเยรูซาเล็มว่า “จะมีคนมาสร้างขึ้นและถึงพระวิหารว่า “จะวางรากฐานของเจ้า” … เพื่อคนจะได้รู้ตั้งแต่ที่ตะวันขึ้นและจากที่ตะวันตกว่าไม่มีใครนอกจากเรา เราเป็นพระเจ้า และไม่มีอื่นใดอีก” เรื่องนี้สำเร็จใน 2 พงศาวดาร 36: 22-23
- 4.3 ชาวยิวถูกกระจัดกระจายครั้งที่สอง ครั้งนี้ร้ายแรงกว่าครั้งแรกมาก ทหารโรมันฆ่าชาวยิวมากกว่าหนึ่งล้านคน เฉลยธรรมบัญญัติ 28:62-66 เรื่องนี้สำเร็จเมื่อ ค.ศ.70 นายพลทีตัสนำทหารเข้าจู่โจม พระคัมภีร์ไม่ได้กล่าวว่าการถูกโจมตีครั้งนี้เมื่อใด
- 4.4 การกลับมาครั้งที่สอง ค.ศ.1948 อิสยาห์ 11:11-12 “ในวันนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงยื่นพระหัตถ์ของพระองค์ออกไปครั้งที่สองเพื่อจะได้มีส่วนที่ชนชาติของพระองค์ยังเหลืออยู่คืนมาเป็นคนเหลือจากอัสซีเรีย อียิปต์ จากบัทโรส จากเอธิโอเปีย..และรวบรวมยูดาห์ที่กระจัดกระจายจากสิ่มุมแห่งแผ่นดินโลก” เอเสเคียล36:24-25 “พระเจ้าจะทรงรวบรวมชาวยิวจากทุกประเทศและนำเขากลับมายังแผ่นดินของพระเจ้า (เอเสเคียล 37 ทั้งบท) กระดูกแห้งทั้งหลายจะฟื้นคืนชีพและกลายเป็นกองทัพอันเกรียงไกรของพระเจ้า” อาโมส 9:15 “เราจะปลูกเขาไว้ในแผ่นดินของเรา เขาจะไม่ถูกถอนออกไปจากแผ่นดิน ซึ่งเราได้มอบให้แก่เขาอีกเลยพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าตรัสดังนี้แหละ” ตั้งแต่ ค.ศ.1948 เมื่อสหประชาชาติได้คืนแผ่นดินให้ชาวยิว ตั้งแต่นั้นชาวยิวได้ทยอยกลับอิสราเอลมากมาย ผืนแผ่นดินถูกพลิกหน้าใหม่กลายเป็นที่ดินอุดม สมบูรณ์ และเกิดดอกออกผลมากมาย ทุกครั้งที่ประเทศอาหรับรวบหัวกันจู่โจมชาวยิว ชาวยิวไม่เพียงชนะได้ ยังสามารถขยายดินแดนออกไป จากนี้ไปชาวยิวจะไม่กระจัดกระจายอีกจนกว่าจะถึงสงครามอามาเกดอน วิวรณ์ 16:12-16 และเศคาริห์ 12:8-10
- 4.5 ประวัติศาสตร์บันทึกว่า ค.ศ. ปีที่ 70 เมื่อทหารโรมันยึดและทำลายกรุงเยรูซาเลมได้แล้ว พวกเขาฆ่าชาวยิวประมาณหนึ่งล้านหนึ่งแสนคน ส่วนที่เหลือจับขายทอดตลาดให้ไปเป็นทาส จนกระทั่งไม่พอตอบสนองความต้องการของตลาดและชาวยิวจากนั้นก็เร่ร่อนไปเรื่อยๆ เป็นเวลา 1,800 กว่าปี พวกเขามักเผชิญความตาย การทนทุกข์ทรมาน และความหวาดกลัว เหตุการณ์เหล่านี้ตามที่โมเสส ได้บันทึกไว้ในหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ บทที่ 28 เมื่อพระเยซูทรงพระชนม์อยู่พระองค์ก็ทรงพยากรณ์ถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นนี้
- 4.6 ชาวยิวยังไม่ยอมเชื่อในพระเยซูคริสต์ จนถึงทุกวันนี้มีแค่ 1% เท่านั้นที่เป็นคริสเตียน สี่ล้านคนที่อาศัยอยู่ในปาเลสไตน์ ศาสนาและความเชื่อของเขาไม่เชิงเป็นศาสนายิวและก็ไม่เป็นศาสนาคริสต์ ส่วนใหญ่ยอมรับว่าไม่ได้ถือศาสนายิวแล้วแต่กลายเป็นพวกที่ไม่มีพระเจ้า เหลือจำนวนน้อยมากที่ยังรักษาธรรมบัญญัติและรอคอยการเสด็จกลับมาของพระเมสสิยาห์
เรื่องนี้ไม่แปลกใจเพราะ เอเสเคียล 36:24 ได้กล่าวไว้แล้ว “เราจะเอาเจ้าออกมาจากท่ามกลางประชาชาติและรวบรวมเจ้ามาจากทุกประเทศ และนำเจ้าเข้ามาในแผ่นดินของเจ้าเอง” เมื่อชาวยิวกลับประเทศหมดแล้ว เมื่อนั้นชาวยิวทุกคนจะกลับใจใหม่ เหมือนดังที่เขียนไว้ในเอเสเคียล 37 กระดูกแห้งทั้งหลายจะฟื้นชีพ เขาจะมีเนื้อ มีเอ็นและมีหนังหุ้มกระดูก และมีลมปราณพัดใส่เขา คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ ของพระเจ้าจะส่งสวมทับพวกเขา เขาจึงจะได้มีชีวิต ชาวยิวจะฟื้นชาติจริง ๆ จะต้องคอยจนถึงยุคของพันปีใน เศคาริยาห์ 12:10 และ กิจการ 3:19-20
5. ชาวยิวในปัจจุบัน
ตามข่าวสารจาก World Review ได้กล่าวถึงปัญหาที่แท้จริงของชาวปาเลสไตน์ว่า ชาวยิวได้รับการสถาปนาเป็นประเทศได้รับการลงมติจากประเทศต่างๆ ในปี ค.ศ.1947 เวลานั้นประเทศที่เป็นพันธมิตรสัญญาว่าจะคือตำแหน่งของผู้นำให้กับกลุ่มผู้นำอาหรับ ถ้าพวกอาหรับสามารถขับตุรกีออกไปจากการปกครอง ในเวลาเดียวกับอังกฤษก็สัญญากับชาวยิวว่า เขาจะให้ชาวยิวอยู่ในดินแดนปาเลสไตน์โดยมีที่ดินของตนเองรวมทั้งที่ดินแถบตะวันตก ซึ่งตามพันธสัญญาของ The Val four Declaration
พันธมิตรรักษาพันธสัญญากับชาวอาหรับ หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้มอบดินแดนปาเลสไตน์อยู่ภายใต้การปกครองของประเทศอังกฤษและอังกฤษค่อยมอบให้ชาวยิวเป็นที่อยู่อาศัย แต่อังกฤษกลับมอบที่ดินนี้แก่ประเทศจอร์แดน และที่ดินของชาวยิวถูกตัดไปเหลือครึ่งหนึ่งแม้ถูกตัดไปครึ่งหนึ่งก็ยังดีกว่าไม่ได้เสียเลย
วันที่ 4 พฤษภาคม 1948 เมื่ออิสราเอลประกาศตนเองเป็นประเทศ ทันทีกลุ่มอาหรับประกาศสงครามกับอิสราเอล ในเวลานั้นกลุ่มอาหรับที่เป็นคนท้องถิ่นหนีออกจากปาเลสไตน์ไปหมด ต่อมาอีก 30 ปี ชาวอาหรับกลุ่มนี้กลายเป็นผู้อพยพเร่ร่อนไปตามกลุ่มประเทศอาหรับ แต่ไม่มีประเทศไหนยอมรับกลุ่มชนเหล่านี้ ได้แต่ให้อยู่ในค่อยอพยพ กลุ่มชนเหล่านี้คือพวกปาเลสไตน์ในทุกวันนี้ แต่ชาวยิวกลับชนะสงครามและขยายอาณาเขตไปตามแผนการของพระเจ้า ไม่เพียงแค่นั้นชาวยิวยังรักษาภาของตนไว้ได้คือ ภาษาฮีบรู แม้จะสิ้นชาติไปเกือบ 2,000 ปี แต่นี่เป็นภาษาเดียวในโลกที่ตายแล้วกลับฟื้นคืนมาใหม่ ชาวยิทุกคนพูดภาษาฮีบรูได้ นี่เป็นเรื่องอัศจรรย์
6. คำพยากรณ์เกี่ยวกับชาวยิวในอนาคต
- 1. ดาเนียล 9:27 ทำพันธสัญญาสันติภาพ สหภาพยุโรปจะมีผู้นำที่มีความสามารถคนหนึ่ง เขาจะออกมาเจรจาสันติภาพระหว่างยิวกับอาหรับ
- 2. ดาเนียล 11:11 กองทัพของเขาจะมาทำลายสถานนมัสการให้เป็นมลทิน ให้เลิกเผาเครื่องบูชาเนืองนิตย์ และตั้งสิ่งน่าสะอิดสะเอียนให้เกิดเป็นความวิบัติ ผู้นำที่เจรจาสันติภาพคือปฏิปักษ์ของพระคริสต์ เขาจะเป็นผู้หักพันธสัญญาชาวยิวในเวลาต่อมา และนำให้พระวิหารเป็นมลทิน ทั้งฆ่าทำลายชาวยิวอีกครั้ง ตามที่พระคัมภีร์พยากรณ์ไว้
แม้ประเทศอิสราเอลได้ประกาศตัวเป็นประเทศ มีสงครามหลายครั้งสามารถยึดกรุงเยรูซาเล็มได้ แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีพระวิหารของตน เพราะหลังจากถูกทหารโรมทำลายแล้วเวลาที่เนิ่นนานผ่านมายังไม่สามารถสร้างพระวิหารได้ ตามคำพยากรณ์ของดาเนียลชาวยิวจะต้องมีโอกาสก่อพระวิหาขึ้นได้อีกครั้ง ในเวลาเดียวกันเมื่อมหาอำนาจอเมริกากำลังเสื่อมถอยชาวยิวก็จะมองหาที่พึ่งใหม่ และการเซ็นต์สัญญาสันติภาพกับผู้นำสหภาพยุโรปเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตามที่ดาเนียลได้พยากรณ์ไว ผู้รู้จึงได้สันนิษฐานไว้ว่าพระวิหารอาจถูกก่อขึ้นก่อน หรือหลังที่คริสตจักรถูกรับไป ด้วยเหตุนั้นอิสราเอลจึงเป็นประเด็นหนึ่งที่จะให้เรารู้ถึงเหตุการณ์ยุคสุดท้าย
สรุป
- อิสราเอลควรเป็นสวนองุ่นของพระเจ้าที่เกิดดอกออกผลมากมาย ไม่น่ากลายเป็นกระดูกแห้งที่ตายเกลื่อนอยู่ในถิ่นทุรกันดาร
- กระดูกแห้งคือความตายไม่มีชีวิต ความบาปนำมาซึ่งความตาย ตามที่โมเสสเขียนไว้ใน เฉลยธรรมบัญญัติ 28
- เพราะความรักของพระเจ้าทรงระลึกถึงพันธสัญญาที่มีกับอับราฮัมและเตรียมทางให้พระผู้ช่วยให้รอดมาบังเกิด พระเจ้าจึงทรงรักษาประชากรของพระเจ้าไว้
- พระวจนะพระเจ้านำมาซึ่งชีวิต เอเสเคียลเผยพระวจนะตามพระดำรัสสั่ง ชีวิตจึงกลับคืนมาและเผยพระวนะอีก พระวิญญาณของพระเจ้าอยู่กับกองกระดูกที่ฟื้นชีพ พวกเขาจึงกลายเป็นกองทัพของพระเจ้า
- ประวัติศาสตร์บอกเราถึงพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ แผนการของพระเจ้าไม่มีใครทำลายได้ พระผู้สร้างพระผู้ครอบครองทรงดำรงอยู่เป็นนิตย์นิรันดร์
คำอธิบายเรื่องกระดูกแห้ง
กระดูกแห้งเป็นชนชาติอิสราเอลที่ละทิ้งพระเจ้า เวลาเดียวกันอิสราเอลใหม่ (หมายถึงต่างชาติที่รับเชื่อในพระคริสต์ มีสิทธิ์เป็นบุตรของพระเจ้าเทียบเท่าชนชาติอิสราเอล โรม 11:20-22) ดังนั้นเมื่ออิสราเอลละทิ้งพระเจ้ากลายเป็นกระดูกแห้ง คริสเตียนที่ลิ้มรสพระคุณพระเจ้าแล้ว ยังละทิ้งพระเจ้าไปก็จะกลายเป็นกระดูกแห้งเหมือนกัน
ในหนังสือวิวรณ์บทที่ 2-3 ได้กล่าวถึง 7 คริสตจักรในยุคสุดท้าย มี 5 คริสตจักรตายไปแล้ว มี 2 คริสตจักรที่ได้รับการกล่าวชมและรับการปลอบใจ คริสตจักรสเปอร์นาและคริสตจักรฟิลาเดเฟีย ส่วนคริสตจักรซาร์ดิสถูกตำหนิว่า “เจ้าได้ชื่อว่ามีชีวิตอยู่ แต่ว่าเจ้าได้ตายเสียแล้ว วิวรณ์ 3:1”
แพทย์ให้คำจำกัดความของคำว่า “ตาย” นั้นมี 4 อย่างคือ ไม่หายใจ หัวใจหยุดเต้นความดันโลหิตไม่มี ลูกตาพลิกกลับ ถ้าเป็นแบบนี้ก็เอาผ้าขาวคลุมหน้าได้ เมื่อจิตวิญญาณของคริสเตียนเฉื่อยชาไม่ไวต่อความรู้สึกในการทำบาป หยุดการอธิษฐาน ไม่มีการหายใจ ความกระตือรือร้นในพระเจ้าหมดไป ดวงตาพลิกกลับไม่อ่านพระคำพระเจ้า หรืออ่านแบบไม่รู้เรื่อง ถูกสอนผิด ๆ นั่นคือการตายฝ่ายวิญญาณ
สิ่งที่ทำให้อิสราเอลและคริสเตียนตายคือ 1ยอห์น 2:15-17 คือ
- รักโลก “ถ้าผู้ใดรักโลกและสิ่งของในโลก ความรักต่อพระบิดาไม่ได้อยู่ในผู้นั้น” รักโลกและสิ่งของในโลกนั้นหมายถึงฝักใฝ่ในเรื่องการกิน การอยู่ ตอบสนองความต้องการของเนื้อหนัง
- ตัณหาของเนื้อหนัง
- ตัณหาของตา คนเรามั่งมีศรีสุขแล้วก็แสวงหาลาภยศ ชื่อเสียง อำนาจมักใหญ่ใฝ่สูง ลืมที่มาที่ไป ตัณหาของตาคือ แสวงหาความฟุ่มเฟือย ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายเกินตัว ทะนงในลาภยศ เอารัดเอาเปรียบคนอื่น สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากพระบิดาแต่เกิดจากโลก “โลกและสิ่งยั่วยวนของโลกกำลังล่วงไป แต่ผู้ที่ประพฤติตามพระทัยของพระเจ้าจะดำรงอยู่เป็นนิตย์”
แม้จะกลายเป็นกระดูกแห้งเพราะความบาปชั่ว แต่พระเจ้าทรงระลึกถึงพันธสัญญาที่ทรงมีต่ออับราฮัมพระองค์ทรงดลใจพระวิญญาณเปิดตาเอเสเคียลให้เห็นกระดูกแห้งเหล่านี้ แล้วตรัสสั่งให้เผยพระวจนะแก่กระดูกแห้งเหล่านี้ (เอเสเคียล 37:1-6)
มีคนถามว่า ทำไมพระเจ้าทรงเลือกเอเสเคียล เพราะว่าเอเสเคียลมี 4 อย่างต่อไปนี้
- มีวิญญาณของพระเจ้า
- เป็นคนมีนิมิตของพระเจ้า
- มีความเชื่อมั่นในพระเจ้า
- เป็นคนยอมกับพระเจ้าทุกอย่าง
พระเจ้าไม่ได้ทรงเรียกทุกคน ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะให้พระเจ้าใช้ แต่พระองค์ทรงเลือกผู้รับใช้ของพระองค์และให้เป็นผู้เผยพระวจนะ เมื่อเอเสเคียลเผยพระวจนะ “ดูเถิด เป็นเสียงกรุกกริกกระดูกเหล่านั้นก็เข้ามาหาทันตามที่ของมัน…มองดูก็มีเอ็นของมันและเนื้อก็มาที่กระดูก…และหนังก็มาหุ้มกระดูกไว้ แต่ไม่มีลมหายใจในนั้น” เอเสเคียล 37:7-8
“กระดูกเหล่านั้นก็เข้ามาหากันตามที่ของมัน” กระดูกจะเข้าผิดที่ไม่ได้ นี่เป็นบทสอนที่แพง…กระดูกเข้าที่แล้วก็มีเอ็น และมีเนื้อ หากจะเปรียบคริสตจักร พี่น้องสมาชิกเข้าที่กันดีแล้ว ยังต้องได้รับการเลี้ยงดู การเสริมสร้างจิตวิญญาณ ความรักในพระเยซูคริสตเจ้าจะเสริมสร้างพระวร-กายของพระองค์ การให้อภัย การยอมรับและเลี้ยงดูซึ่งกันและกัน ไม่แบ่งชั้นวรรณะ แต่เห็นอก-เห็นใจ เป็นการเสริมเอ็นและให้มีเนื้อและยังต้องมีหนังมาหุ้มกระดูก
“หนังหุ้มกระดูก” หมายความถึง การมีชีวิตที่บริสุทธิ์ รักษาซึ่งความบริสุทธิ์และป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ การรู้จักแบ่งแยกตัวเองออกจากคนอื่นเพื่อรักษาความบริสุทธิ์เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เช่นเขาเที่ยว เขาดื่ม เขามั่วเล่นการพนัน อื่น ๆ เป็นต้น เราจะไม่เข้าตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม แต่เราจะมีจุยืนของความเชื่อและการดำเนินชีวิต แต่ถึงกระนั้นก็ยังหวั่นไหว พระเจ้าตรัสให้เอเสเคียลเผยพระวจนะอีก “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเผยเถิด จงกล่าวแก่ลมหายใจว่า พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ลมหายใจเอ๋ย จงมาจากลมทั้งสี่ มาหายใจให้กับคนที่ถูกฆ่าเหล่านี้เถิด เพื่อให้เขามีชีวิต” พระวิญญาณเสด็จมาสวมทับเหล่าสาวก กิจการ 2:1-4 เหล่าสาวกก็กล้าหาญที่จะประกาศพระคำพระเจ้า คริสตจักรที่จะมีชีวิตชีวาก็ต้องประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ การที่จะรู้ว่ามีพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือไม่จะรู้ได้จาก
- มีการกลับใจใหม่
- มีการสารภาพบาปซึ่งกันและกัน
- มีความรัก
- มีการให้อภัย
- มีความเห็นอกเห็นใจ
- มีความเข้าใจกัน
- มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ยอมฟังกันและกันภายใต้การทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์
กระดูกแห้งเข้าที่ดีแล้ว ก็มีเอ็นมีเนื้อ มีหนังหุ้มกระดูกและมีลมหายใจ (พระวิญญาณของพระเจ้า) เอเสเคียล 37:10 “ข้าพเจ้าก็เผยพระวจนะดังที่ทรงบัญชาแก่ข้าพเจ้า และลมหายใจก็เข้ามาในกระดูก และกระดูกก็มีชีวิต แล้วก็ยืนขึ้นเป็นกองทัพใหญ่โตจริงๆ”
ในที่สุดชาวอิสราเอลทุกคนจะกลับใจใหม่ เชื่อฟังพระเจ้า และยอมต่อพระเจ้า เขาเหล่านั้นจะเป็นกองทัพที่ใหญ่โตของพระเจ้า ในวันสิ้นโลก เช่นเดียวกับในยุคสุดท้ายนี้ คริสตจักรยอมให้กระดูกเข้าที่ให้ถูกต้อง ทุกคนตามทำหน้าที่ของตนเอง ไม่ล้ำเส้น และส่งเสริมซึ่งกันและกัน ให้เอ็นกับเนื้องอกขึ้นมา ทุกคนใช้ชีวิตบริสุทธิ์ไม่ไหลไปตามกระแสของโลก และให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ควบคุม นำพาชีวิตของเรา เวลานั้นคริสตจักรก็จะเป็นกองทัพที่ใหญ่โตของพระเจ้าได้ และพระองค์จะทรงใช้เราให้เป็นพยานเป็นที่ถวายเกียรติและเป็นกระบอกเสียงประกาศข่าวประเสริฐของพระองค์ “นำคนทั้งหลายมาสู่การกลับใจใหม่ และรับความรอด เพราะว่าพระองค์ไม่ทรงประสงค์ที่จะให้ผู้หนึ่งผู้ใดพินาศเลย แต่ทรงปรารถนาที่จะให้คนทั้งปวงกลับใจเสียใหม่”