เฟสบุ๊ค Prasit Sae Tang
บ่อยครั้ง เรามักสำคัญผิดคิดแบบผิวเผินว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ภาค หรือ คนสำคัญจากสภาฯ มาทำพิธีแต่งตั้งคนใดคนหนึ่งให้เป็นศิษยาภิบาลคริสตจักร คนๆนั้นก็เป็นศิษยาภิบาลของคริสตจักรนั้นๆ
การเป็น “ศิษยาภิบาลตัวจริง” มิได้เป็นเพราะผ่าน “พิธีกรรมแต่งตั้ง” (จากใครก็ตามซึ่งไม่สำคัญจริง) แต่การเป็น “ศิษยาภิบาลตัวจริง” เป็นเรื่องของชีวิต จิตใจ จิตวิญญาณ และสัมพันธภาพของผู้ที่ต้องการเป็นศิษยาภิบาลกับคนอื่นๆในคริสตจักรนั้น ที่ศิษยาภิบาลท่านนั้นตั้งใจ “ให้ชีวิตแก่ผู้คนในคริสตจักร เพื่อคนเหล่านั้นจะได้ชีวิตใหม่” (ยอห์น 10:11) ตามแบบอย่างชีวิตที่พระเยซูคริสต์ได้วางไว้
ความจริงที่สำคัญมากที่ต้องพิจารณาคือการเป็น “ศิษยาภิบาลตัวจริง” เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ของคนในคริสตจักรกับตัวของศิษยาภิบาลเอง ซึ่งความสัมพันธ์และความไว้วางใจจากผู้คนในคริสตจักรต้องใช้เวลาในการก่อตัวสะสม กว่าที่จะเป็นความสัมพันธ์และความไว้วางใจที่เหนียวแน่น มั่นคง และลึกซึ้ง
ดร. ธอม ไรเนอร์ (Thom Rainer) ได้กล่าวไว้ชัดเจนว่า การที่ใครจะเป็น “ศิษยาภิบาลตัวจริง” ในคริสตจักรใดคริสตจักรหนึ่ง จะต้องใช้เวลา 5-7 ปีในการเสริมสร้าง บ่มเพาะ และสะสมในความเป็นศิษยาภิบาลตัวจริงของศิษยาภิบาลท่านนั้นๆ ในคริสตจักรที่เขาอภิบาล และท่านได้ให้เหตุผลว่า ทำไมต้อง 5-7 ปีกว่าจะได้เป็น “ศิษยาภิบาลตัวจริง” ของคริสตจักรนั้นๆ ไว้ดังนี้
[1] ต้องใช้เวลานานในการเจาะเข้าไปในรูปแบบความสัมพันธ์ที่มีอยู่แล้วในคริสตจักรนั้นๆ
สมาชิกหลายท่านได้อยู่ในคริสตจักรของเขามาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว พวกเขามีเพื่อน มีสมาชิกในครอบครัว และกลุ่มความสัมพันธ์ ศิษยาภิบาลใหม่จะเข้าสู่ความสัมพันธ์เหล่านั้นอย่างมีความหมายต้องใช้เวลาแรมปี หรือ หลายปี
[2] ในสายตาและความรู้สึกของสมาชิกคริสตจักร ท่านกำลังเสริมสร้างวิธีการใหม่ๆในการดำเนินสิ่งต่างๆในคริสตจักรนั้น
ศิษยาภิบาลใหม่อาจไม่คิดว่าตนเป็นตัวแทนการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ แต่การปรากฏตัวของท่านในฐานะศิษยาภิบาลได้เปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ อย่างมีนัยสำคัญ ท่านเป็นผู้นำที่นำแตกต่างจาก ศบ. ท่านเดิม ท่านเทศนาแตกต่างจากศบ. ท่านเดิม ท่านมีครอบครัวที่แตกต่างจากศิษยาภิบาลท่านเดิม สมาชิกคริสตจักรต้องปรับตัวกับความแตกต่าง และ การเปลี่ยนแปลงที่ศิษยาภิบาลท่านใหม่นำมา ก่อนที่พวกเขาจะยอมรับท่านในฐานะศิษยาภิบาลตัวจริงของพวกเขาอย่างเต็มที่
[3] ความสัมพันธ์ส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ทันทีจนกว่าจะผ่านความขัดแย้งที่สำคัญหนึ่งหรือสองครั้ง
ในปีแรก หรือสองปีแรก เป็นช่วง “ปีฮันนีมูน” ของท่าน สมาชิกคริสตจักรคิดว่าท่านเป็นคนยอดเยี่ยมมาก จากนั้นท่านได้ทำบางสิ่ง นำบางอย่าง หรือเปลี่ยนแปลงบางเรื่องที่ขัดกับความคาดหวังของพวกเขา ความขัดแย้งเกิดขึ้น ท่านไม่ใช่คนที่ดีที่สุดสำหรับเขาหลายๆคนอีกต่อไป ดังนั้นท่านมีเวลาฮันนีมูนสองปี ตามด้วยความขัดแย้งอีกหนึ่งถึงสองปี และใช้เวลาอีกหนึ่งถึงสองปีที่จะนำไปสู่การลงตัวของความขัดแย้งนั้น แล้วท่านก็กลายเป็น “ศิษยาภิบาลตัวจริง” ของสมาชิกคริสตจักรในปีที่ห้า หรือ หก หรือ เจ็ด
[4] คริสตจักรคุ้นเคยกับการอภิบาลระยะสั้น
คริสตจักรหลายต่อหลายแห่งไม่ค่อยได้เห็นศิษยาภิบาลเข้าสู่ปีที่ห้า หก หรือเจ็ด พวกเขาไม่เคยยอมรับศิษยาภิบาลอย่างเต็มที่ เพราะพวกเขาไม่เชื่อว่าผู้นำ/ศิษยาภิบาล จะผ่านความขัดแย้งครั้งใหญ่ครั้งแรกได้
[5] ศิษยาภิบาลคนก่อนได้สร้างบาดแผลในชีวิตของบางคนในคริสตจักร
มีเหตุผลหลายประการสำหรับความเป็นจริงในเรื่องนี้ บางอย่างเข้าใจได้ บางอย่างยากที่จะเข้าใจ ไม่ว่าในกรณีใด ศิษยาภิบาลคนก่อนได้สร้างบาดแผลในชีวิตของสมาชิกบางคน และสมาชิกต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะยอมรับศิษยาภิบาลใหม่ และเรียนรู้ที่จะไว้วางใจศิษยาภิบาลอีกครั้งหนึ่ง
[6] ความไว้วางใจเป็นการสะสมค่อยๆเพิ่มพูนขึ้น มิใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ทันทีทันใด
ความจริงข้อนี้เป็นจริงโดยเฉพาะในคริสตจักรที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ไม่ว่าศิษยาภิบาลจะดำเนินพันธกิจไปได้อย่างไร ก็ต้องใช้เวลาก่อนที่สมาชิกคริสตจักรจะเต็มใจพูดด้วยความมั่นใจว่า “นี่เป็นศิษยาภิบาลของฉัน”
ผมเข้าใจครับ และเราคงคิดว่าเราจะเพลิดเพลินไปกับความไว้วางใจศิษยาภิบาลท่านใหม่ทันทีของสมาชิกคริสตจักร แต่ในคริสตจักรส่วนใหญ่ จะไม่เกิดขึ้นรวดเร็วอย่างที่คาดคิด จะต้องใช้เวลา 5-7 ปี
แล้วท่านจะยินดีและเต็มใจที่จะยืนหยัดอยู่ในช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อจะมีโอกาสชื่นชมกับผลของการอภิบาลชีวิตสมาชิกและคริสตจักรในระยะยาวหรือไม่ครับ?
และโปรดตระหนักชัดเสมอครับว่า “ศิษยาภิบาลตัวจริง” ของคริสตจักรไม่ได้มาด้วยพิธีแต่งตั้งที่ดูสำคัญ ยิ่งใหญ่ มีคนจากที่ไหนๆมาแสดงความยินดีมากมาย แต่ศิษยาภิบาลตัวจริงจะเกิดขึ้นเมื่อความสัมพันธ์และความไว้วางใจในคริสตจักรเกิดความสุกงอม และเมื่อสมาชิกเห็นชัดเจนแล้วว่า ท่านเป็น “ศิษยาภิบาลที่ให้ มิใช่เพื่อจะได้” กล่าวคือท่านได้ให้ชีวิตของท่านแก่เขา เพื่อเขาจะได้มีชีวิตใหม่ในพระเยซูคริสต์ เฉกเช่นพระเยซูคริสต์ที่เป็นแบบอย่างผู้เลี้ยงแกะที่ดีเลิศ
เอมมาอูส