เถาธรรม แปลจาก 12 Ways to Love Your Wayward Child
โดย อับราฮัม ไพเพอร์ จาก Desiring God www.desiringGod . org
บทความจาก นิตยสารพระคริสตธรรมประทีป
พ่อแม่หลายคนหัวใจสลายและงันงงไปหมดเพราะลูกชายหรือลูกสาวไม่เชื่อพระเจ้า พ่อแม่เหล่านี้ไม่รู้ว่าเหตุใดลูกที่เลี้ยงมาอย่างดี จึงตัดสินใจในลักษณะที่น่ากลัวและเป็นอันตรายเช่นนั้น ผมไม่เคยเป็นหนึ่งในกลุ่มพ่อแม่เหล่านั้น แต่ผมเคยเป็นหนึ่งในพวกลูกชายที่ทำเช่นที่ว่า เมื่อย้อนใคร่ครวญเกี่ยวกับประสบการณ์นั้น ผมขอเสนอคำแนะนำต่อไปนี้เพื่อช่วยคุณเอื้อมไปหาลูกที่ออกนอกทางของคุณ
1. ชี้ทางให้พวกเขาไปยังคริสต์
ปัญหาที่แท้จริงของลูกที่กบฏของคุณไม่ใช่ยาเสพติด หรือเพศ หรือบุหรี่ หรือสื่อลามก หรือความเกียจคร้าน หรืออาชญากรรม หรือการสบถสาบาน หรือความสะเพร่าไร้ระเบียบ หรือการรักเพศเดียวกัน หรือการเป็นนักดนตรีวงพั๊งค์ร้อค ปัญหาที่แท้จริงของเขาคือ ไม่เห็นพระเยซูชัดเจน สิ่งดีที่สุดที่คุณทำให้เขาได้ก็คือสำแดงพระคริสต์ให้เขาเห็น และนี่เป็นเหตุผลประการเดียวว่าทำไมคุณจึงจะทำตามคำแนะนำในข้อต่อๆ ไป การช่วยให้เขาเห็นพระคริสต์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ไม่ใช่กระบวนการที่เกิดขึ้นสำเร็จลงทันที แต่บาปในชีวิตของเขาที่ทำให้คุณทุกข์ใจและทำลายชีวิตของเขานั้นจะเริ่มจางหายเมื่อเขาเห็นพระเยซูตามที่พระองค์เป็นจริงมากขึ้น
2. อธิษฐาน
มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ช่วยลูกชายลูกสาวของคุณได้ ดังนั้นจงทูลขอพระองค์อย่างไม่หยุดหย่อนให้พระองค์สำแดงพระองค์แก่ลูกๆ ในแนวทางที่พวกเขาต้องนมัสการพระองค์อย่างไม่อาจฝืนต้านได้
3. ยอมรับว่ามีบางอย่างผิดพลาด
ถ้าลูกสาวของคุณปฏิเสธพระเยซู อย่าแสร้งทำเป็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี
ลูกที่ไม่เชื่อพระเจ้าแต่ละคนมีเรื่องราวรายละเอียดแตกต่างกัน แต่ละคนต้องการพ่อแม่ที่เอื้อมมือไปช่วยเขาในแนวทางเฉพาะตัว แต่การไม่ยอมรับความจริงไม่ใช่การช่วยเหลือให้เขาเชื่อพระเจ้าเลย ถ้าลูกของคุณไม่เชื่อพระเจ้า อยากเพิกเฉยในเรื่องนี้ การทำไม่รู้ไม่ชี้อาจทำให้การชุมนุมของครอบครัวในเทศกาลต่างๆ ราบรื่นขึ้น แต่จะไม่ราบรื่นในนิรันดร์กาล
4. อย่าคาดหวังให้พวกเขาเป็นเหมือนพระคริสต์
ถ้าลูกของคุณไม่ใช่คริสเตียน เขาก็จะไม่ประพฤติตนแบบคริสเตียน
คุณรู้ว่าเขาได้ละทิ้งความเชื่อแล้ว อย่าคาดหวังว่าเขาจะดำเนินชีวิตตามมาตรฐานที่คุณเคยเลี้ยงดูเขามา ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะอยากพูดว่า “พ่อ/แม่รู้ว่าลูกกำลังต่อสู้เรื่องว่าจะเชื่อพระเยซูหรือไม่ แต่อย่างน้อยลูกน่าจะยอมรับนะว่าการปล่อยชีวิตเสียไปเปล่าๆ ทุกวันนี่เป็นบาป?”
ถ้าแม้นเขาต่อสู้อยู่ว่าจะเชื่อพระเยซูหรือไม่แล้ว การยอมรับว่าการเมามายเป็นสิ่งผิดก็ไม่ค่อยมีความหมาย ใช่คุณอยากจะปกป้องเขา แต่ปัญหาเรื่องการไม่เชื่อของเขาเป็นปัญหาที่อันตรายที่สุด ไม่ใช่การเที่ยวกลางคืน ไม่ว่าความไม่เชื่อของลูกคุณแสดงตัวออกมาอย่างไรในพฤติกรรมไหน คุณต้องมุ่งที่ความเจ็บป่วยที่ใจมากกว่าที่อาการของความเจ็บป่วยนั้นเสมอ
5. ยินดีต้อนรับเขากลับบ้าน
เพราะเหตุว่าความห่วงใยลึกล้ำที่สุดไม่ใช่การกระทำแต่เป็นหัวใจของลูก อย่าสร้างเงื่อนไขมากมายเกินไปว่าถ้าเขาจะกลับบ้านต้องอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าเขาเกิดอยากใช้เวลากับคุณขึ้นมา นั่นเป็นเพราะพระเจ้าประทานโอกาสให้คุณรักเขาเพื่อนำเขากลับมาหาพระเยซู แน่นอนมีบางกรณีที่พ่อแม่ต้องยื่นคำขาด “อย่ามาบ้านนี้ถ้าลูกไม่….” แต่กรณีแบบนั้นมีน้อย อย่าลดทอนโอกาสที่จะอยู่กับลูกด้วยการมีกฎหลายข้อเกินไป
ถ้าลูกสาวของคุณมีกลิ่นเหมือนกัญชาหรือที่เขี่ยบุหรี่ ก็จงฉีดสเปรย์ดับกลิ่นที่แจ็กเก็ตของเธอ และเปลี่ยนผ้าปูที่นอนเมื่อเธอจากไปแล้ว แต่จงให้เธอกลับบ้าน ถ้าเธอเกิดท้องขึ้นมา ก็จงซื้อยาบำรุงให้กิน พาไปตรวจอุลตร้าซาวน์เมื่อครบสิบสองสัปดาห์ ปกป้องเธอจากการทำแท้งในนามของการเป็นพ่อแม่เมื่อพร้อม จะอย่างไรก็ตามจงยอมให้เธอกลับบ้าน ถ้าลูกชายของคุณถังแตกเพราะใช้เงินที่คุณให้เขายืมทั้งหมดไปกับหญิงเสเพลและน้ำเมาราคาแพง ก็จงอภัยให้เขาอย่างที่คุณได้รับการอภัย อย่าให้เงินเขาอีกเลย แต่จงให้เขากลับบ้าน ถ้าเขาไม่มาให้เห็นหน้าสัปดาห์กว่าแล้วเพราะไปอยู่ที่ห้องชุดของแฟนสาวหรือแฟนหนุ่ม จงอ้อนวอนเขาว่าอย่าไปอยู่ที่นั่นเลย และให้เขากลับบ้าน
6. อ้อนวอนมากกว่าตำหนิติเตียน
ถึงคุณผิดหวังในตัวเขาแต่ก็จงนุ่มนวล
สิ่งที่คุณห่วงคือลูกกำลังทำลายตนเอง ไม่ใช่ห่วงว่าเขาละเมิดกฎ จงปฏิบัติต่อเธอในแนวทางที่เธอเห็นเรื่องนี้ได้ชัด บางทีลูกอาจจะรู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นผิด โดยเฉพาะเมื่อเขาได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างคริสเตียน ทั้งเขายังรู้แก่ใจว่าคุณคิดว่าเรื่องพวกนั้นผิด ดังนั้นไม่จำเป็นต้องชี้ให้เห็นอีก สิ่งที่เขาจำเป็นต้องเห็นคือว่าคุณจะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อความชั่วร้ายของเขา ความอดทนอย่างนุ่มนวลและความหวังอย่างเศร้าใจจะสำแดงให้เขาเห็นว่าคุณไว้วางใจพระเยซูอย่างแท้จริง
จิตสำนึกของเขาอาจกล่าวโทษเขาเอง พ่อแม่ควรยืนหยัดอย่างอ่อนโยนและมั่นคง ดำเนินชีวิตอยู่อย่างมีความหวังว่าลูกๆ จะกลับมา
7. เชื่อมโยงเขากับผู้เชื่อที่เข้าถึงเขาได้มากกว่า
มีสองช่องทางเข้าถึงลูกที่คุณอาจไม่มี นั่นคือ ช่องทางด้านภูมิศาสตร์และช่องทางด้านความสัมพันธ์ ถ้าลูกที่ออกนอกทางของคุณอาศัยอยู่ไกลจากคุณมาก จงพยายามหาผู้ที่มั่นคงในความเชื่อในแถบที่เขาอยู่ ขอให้คนนั้นติดต่อลูกของคุณ การทำเช่นนี้อาจดูเหมือนแส่ หรืองี่เง่า หรือน่าขายหน้าสำหรับลูก แต่ก็มีคุณค่าควรทำ โดยเฉพาะถ้าผู้เชื่อที่คุณหาได้สามารถสานสัมพันธ์ทางอารมณ์กับลูกในลักษณะที่คุณเองทำไม่ได้
ความสัมพันธ์ที่ห่างเหินก็อาจเป็นผลข้างเคียงจากการที่ลูกละทิ้งความเชื่อด้วย ดังนั้นความสัมพันธ์ของคุณควรเหนียวแน่นและควรปกปักรักษาไว้ถ้าเป็นไปได้อยู่บ้าง แต่การตำหนิแรงๆ ก็ยังจำเป็นอยู่
ณ จุดนี้ผู้เชื่อคนอื่นที่สามารถเชื่อมโยงทางอารมณ์กับลูกคุณอาจช่วยได้มาก ถ้ามีผู้เชื่อที่ลูกคุณไว้วางใจและอาจชอบใช้เวลาด้วยอีกต่างหาก ผู้เชื่อคนนั้นก็มีเวทีที่จะบอกลูกของคุณในแนวทางที่ลูกคุณจะรับฟังว่า ลูกคุณกำลังทำตัวโง่ๆ คำพูดอาจฟังรุนแรง แต่เป็นข่าวด่วนที่วาบเข้ามาซึ่งเราทุกคนจำเป็นต้องได้รับบางครั้งบางคราว และตามปกติแล้ว คนที่เราไว้วางใจเท่านั้นแหละที่สามารถเอาคำตำหนิที่ทำให้เจ็บปวดใส่หีบห่อมอบแก่เราเป็นของขวัญได้
เด็กๆ ที่ขบถจำนวนมากควรได้รับฟังว่าพวกเขากำลังเป็นคนโง่ แต่น้อยครั้งที่คำบอกกล่าวเรื่องนี้จะมีประโยชน์ต่อเขาหากพ่อแม่เป็นผู้ชี้ ดังนั้นจงพยายามรักษาคริสเตียนคนอื่นๆ ในชีวิตของลูกคุณไว้
8. เคารพเพื่อน ๆ ของลูก
จงให้เกียรติลูกที่ออกนอกทางของคุณแบบเดียวกับที่คุณจะให้เกียรติผู้ที่ไม่เชื่อคนอื่นๆ พวกเขาอาจมั่วสุมกับกลุ่มคนที่คุณไม่เคยคิดจะพูดด้วยหรือชายตามอง แต่คนเหล่านั้นเป็นเพื่อนของลูก จงเคารพความจริงข้อนี้ แม้ว่าความสัมพันธ์ตั้งอยู่บนรากฐานบาป ใช่ พวกเขาส่งผลร้ายต่อลูกคุณ แต่ลูกคุณก็ส่งผลร้ายต่อพวกเขาด้วย ถึงคุณแสดงให้เห็นอย่างโจ่งแจ้งที่สุดว่าคุณไม่ชอบคนที่เขาเตร็จเตร่ด้วย ก็ไม่มีประโยชน์โภชน์ผลใดขึ้นมา
เมื่อลูกของคุณปรากฏตัวในงานฉลองวันเกิดกับแฟนหญิงอีกคนหนึ่ง คนที่คุณไม่เคยพบเคยเห็นและคงไม่ได้พบเห็นอีก จงมีน้ำใจรับรองแขก หญิงผู้นั้นก็เป็นลูกที่ออกนอกทางของคนบางคนเหมือนกัน และเธอจำเป็นต้องได้รู้จักพระเยซูเช่นกัน
9. เขียนอีเมล์ถึงลูก
สรรเสริญพระเจ้าสำหรับเทคโนโลยีที่ช่วยให้คุณอยู่ในชีวิตของลูกคุณได้ง่ายดายเหลือเกิน!
เมื่อคุณอ่านอะไรในพระคัมภีร์ที่ให้กำลังใจคุณและช่วยให้คุณรักพระเยซูมากขึ้น ให้เขียนข้อความนั้นสั้น ๆ และส่งไปให้ลูก คำตักเตือนที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาคือตัวอย่างที่ดีของความชื่นชมในพระคริสต์ในชีวิตของคุณเอง
อย่าเครียดเวลาแต่งอีเมล์เหล่านี้ประหนึ่งว่าแต่ละคำต้องมีพลังเฉียบขาด เพียงแต่เขียนอย่างรวดเร็วไปทีละครั้ง และปล่อยให้ผลกระทบของความพึงพอใจในพระเจ้าของคุณสะสมเพิ่มจำนวนขึ้นในเมล์บ็อกซ์ของลูก พระวจนะของพระเจ้าไม่เคยประกาศออกไปเปลืองเปล่าไร้ผล
10. พาไปรับประทานอาหารนอกบ้าน
ถ้าเป็นไปได้อย่ามีปฏิสัมพันธ์กับลูกผ่านเครื่องอีเล็คโตรนิคเท่านั้น นัดพบกับเขาหน้าต่อหน้าถ้าทำได้ คุณอาจคิดว่าการพบหน้าเป็นเรื่องเครียดและอึดอัด แต่เชื่อผมเถอะว่าในฐานะลูกนั้นยิ่งแย่กว่า ลูกเองก็ประสบความไม่สบายใจเหมือนกัน แถมรู้สึกผิดอีกต่างหาก ดังนั้น ถ้าเขายินดีมาพบรับประทานอาหารเที่ยงกับคุณ ก็จงสรรเสริญพระเจ้าและใช้โอกาสนั้นให้เต็มที่
การพูดคุยเรื่องชีวิตประจำวันของเขาจะทำให้คุณแทบจะรู้สึกว่าเป็นคนหน้าซื่อใจคด ด้วยเหตุว่าสิ่งที่คุณห่วงใยจริงๆ คือชีวิตนิรันดร์ของเขา แต่ก็จงพยายามคุยไปเถอะ เขาจำเป็นต้องรู้ว่าคุณห่วงใยทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเขา จากนั้น ก่อนจะรับประทานอาหารเสร็จ จงอธิษฐานขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานความคิดแหวกแนวว่าจะถามเกี่ยวกับวิญญาณของเขาได้อย่างไร คุณไม่ทราบว่าเขาจะตอบสนองอย่างไร เขาจะทำตาปะหลับปะเหลือกเหมือนคุณเป็นไอ้โง่คนหนึ่งอย่างนั้นหรือ? หรือเขาจะโมโหปึงปังออกไป? หรือพระเจ้าได้ทรงทำงานในเขามาตั้งแต่พบกันคราวก่อน? คุณไม่ทราบจนกว่าคุณจะเสี่ยงถาม
(ตรงนี้เป็นหมายเหตุสำหรับพ่อแม่ที่ลูกยังอายุน้อย คือ ให้ตั้งเวลาที่จะออกไปทานข้าวข้างนอกกับลูกอย่างสม่ำเสมอ การทำเช่นนี้มีคุณค่าอยู่ในตัวอยู่แล้ว ทั้งยังมีผลว่า ถ้าแม้เขาเกิดเข้าสู่ฤดูกาลขบถขึ้นมา ประเพณีของการพบกับพวกเขาก็ยังอยู่ และคุณชวนเขาออกไปทานข้าวได้โดยไม่ประดักประเดิด ถ้าลูกชายคนหนึ่งมีนัดรับประทานอาหารข้างนอกกับพ่อทุกเสาร์ตั้งแต่ยังเดินเตาะแตะ เมื่อโตขึ้น หากพ่อชวนเขาก็ปฏิเสธได้ยากกว่า แม้จะอายุสิบเก้าแล้วก็ตาม)
11. สนใจสิ่งที่พวกเขากำลังไขว่คว้าหา
ส่วนใหญ่ถ้าลูกสาวของคุณจงใจปฏิเสธพระคริสต์ แนวทางที่เธอใช้เวลาก็คงทำให้คุณผิดหวัง ถึงกระนั้น ถ้าเป็นไปได้ จงหาคุณค่าของสิ่งที่เธอสนใจ และให้กำลังใจเธอ คุณเคยไปดูเธอแสดงละครที่โรงเรียน และดูเธอแข่งขันฟุตบอลเมื่ออายุสิบขวบ คุณทำอะไรได้บ้างในตอนนี้ตอนที่เธออายุยี่สิบ เพื่อแสดงว่าแท้จริงคุณยังห่วงใยในสิ่งที่เธอสนใจ
พระเยซูทรงใช้เวลากับคนเก็บภาษีและโสเภณี ทั้งที่พระองค์ไม่ได้เกี่ยวดองอะไรกับพวกเขาด้วยซ้ำ จงเลียนแบบพระคริสต์โดยการเป็นพ่อหรือแม่ที่จะเอาอุปกรณ์อุดหูใส่กระเป๋า แล้วมุ่งหน้าไปในเมืองยังไนต์คลับเล็กๆ อับชื้นที่มีงานเปิดตัวซีดีการแสดงของลูกสาว ให้กำลังใจเธอและอธิษฐานไม่หยุดหย่อนให้เธอเริ่มใช้พรสวรรค์ที่มีเพื่อสง่าราศีของพระเยซูไม่ใช่ของตนเอง
12. ชี้พวกเขาให้มาหาพระคริสต์
เราไม่มีทางเน้นเรื่องนี้มากเกินไป นี่เป็นประเด็นทั้งหมดที่พูดถึง ไม่มียุทธวิธีใดในการเข้าถึงลูกชายลูกสาวของคุณมีผลกระทบยั่งยืนถ้าแม้นเป้าหมายพื้นฐานไม่ใช่เพื่อช่วยให้พวกเขารู้พระเยซู
ไม่ใช่เพื่อให้ลูกๆ กลับเป็นเด็กดีอีกครั้ง ไม่ใช่เพื่อให้เขาไปตัดผมและอาบน้ำอาบท่า ไม่ใช่ให้พวกเขาชอบดนตรีคลาสสิกแทนที่จะชอบพวกเดธคอร์ (deathcore) ไม่ใช่เพื่อให้คุณได้หายขายหน้าในกลุ่มศึกษาพระคัมภีร์ประจำสัปดาห์เสียที ไม่ใช่ให้ลูกๆ กลับมาลงคะแนนให้พรรคอนุรักษ์นิยมในการเลือกตั้งคราวหน้า ไม่ใช่เพื่อคุณจะหลับลงได้ยามค่ำคืนเพราะรู้ว่าพวกเขาจะไม่ตกนรกด้วยซ้ำไป
สาเหตุสูงสุดหนึ่งเดียว ที่อธิษฐานเพื่อพวกเขา ต้อนรับกลับบ้าน อ้อนวอน เขียนอีเมล์ถึง นัดรับประทานอาหารด้วยกัน หรือสนใจในสิ่งที่พวกเขาสนใจ ก็คือ เพื่อดวงตาของพวกเขาจะเปิดต่อพระคริสต์
และไม่ใช่เพียงเพราะพระองค์คือจุดหมาย พระองค์ยังเป็นความหวังหนึ่งเดียว เมื่อพวกเขาเห็นความประเสริฐอันน่าอัศจรรย์ใจของพระเยซู ความพึงพอใจจะถูกนิยามใหม่ พระองค์จะมาแทนที่ความอนิจจังน่าอนาถของ เงิน หรือคำสรรเสริญของมนุษย์ หรืออารมณ์เพลิดจากยาเสพติด หรือการบรรลุจุดสุดยอดทางเพศ ที่พวกเขาวางนิรันดร์กาลของพวกเขาเป็นเดิมพันอยู่ในตอนนี้ มีแต่พระคุณของพระองค์เท่านั้นที่จะดึงพวกเขามาจากการไขว่คว้าอันอันตรายและผูกพันพวกเขาไว้กับพระองค์ ให้แนบสนิทปลอดภัย เป็นเชลย แต่อิ่มใจ
พระองค์จะทำเช่นให้หลายๆ คน แต่จงสัตย์ซื่อและอย่ายอมแพ้