ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
Facebook : Prasit Sae Tang
ไม่น่าเชื่อเลยว่า เมื่อค้นหาหนังสือเรื่อง “Leadership” หรือ “ภาวะผู้นำ” เราพบชื่อหนังสือในแนวนี้ไม่ต่ำกว่า 137,000 เรื่อง และเรายังพบว่ามีหนังสือในแนวผู้นำออกมาใหม่ๆสม่ำเสมอ
ถึงแม้จะมีข้อเขียน หนังสือ หรือเทปเสียง และคลิปมากมาย แต่เรายังคงประสบปัญหาการขาดผู้นำที่มีภาวะผู้นำ ทั้งในระดับประเทศ องค์กร หน่วยงาน สถานที่ทำงาน คริสตจักร และในระดับครอบครัวด้วย
เรามีผู้นำจำนวนมากเกินไปที่เชื่อว่า การที่ตนมีตำแหน่งทำให้ตนมีอำนาจ อิทธิพลเหนือคนอื่น มากกว่าที่จะคิดว่า อิทธิพลของพวกเขาที่ได้จากตำแหน่งจะเกื้อหนุนให้พวกเขามีการรับผิดชอบงานในตำแหน่งของตนอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร ผู้นำในปัจจุบันหลายคนนำโดยการบังคับขู่เข็ญ นำตาม “แนวคิดของฉัน” จึงมักนำไปสู่การนำแบบใช้ “อำนาจเผด็จการ” ทั้งในระดับประเทศ องค์กร หน่วยงาน คริสตจักร และในครอบครัว
ประธานาธิบดี ธีโอดอร์ รูสเวลต์ เคยกล่าวไว้ว่า “ผู้นำนั้นจะนำ ส่วนเจ้านายเป็นผู้ขับเคลื่อน เจ้านายมักใช้อำนาจในการเป็นเจ้านายที่ตนมีอยู่ แล้วบังคับขู่เข็ญให้ลูกน้องต้องเชื่อฟังอย่างเข้มงวดด้วยความเป็นเจ้านาย แต่ จอห์น แม็กซ์เวลล์ นักเขียนและกูรูในด้านผู้นำกล่าวไว้ว่า “ความเป็นผู้นำไม่ได้เกี่ยวกับฐานะ ตำแหน่ง หรือผังอำนาจการปกครองขององค์กร แต่เป็นเรื่องของชีวิตหนึ่งที่มีอิทธิพลต่ออีกหลายๆชีวิต”
พระเจ้าได้วางเราแต่ละคนให้อยู่ในตำแหน่งผู้นำ ถ้าไม่ใช่ในสถานที่ทำงาน หรือในคริสตจักร ก็เป็นตำแหน่งผู้นำในบ้านของเราในฐานะพ่อแม่อย่างแน่นอน ผมเองรู้ว่ามีบางครั้งที่ตนเองไม่ได้เป็นแบบอย่างคุณสมบัติของผู้นำในพระเจ้า ที่เราสามารถหาแหล่งคำตอบของการเป็น “ผู้นำในพระเจ้า” ได้ในพระคัมภีร์ ซึ่งมีคุณลักษณะที่แตกต่างจากการเป็นผู้นำที่ดีโดยทั่วไป แต่ในที่นี้จะขอศึกษาเจาะลึกเพียงเฉพาะจากพระธรรมสุภาษิต บทที่ 16 ให้เราอ่านทั้งบทแล้วจะพบว่า พระธรรมบทนี้เต็มไปด้วยบทเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่อง “ผู้นำ” ด้านล่างนี้คือหลักการเก้าข้อที่เป็นคุณลักษณะสำคัญของ “ผู้นำที่ดีในพระเจ้า”
[1] ผู้นำที่ดีแสวงหาการชี้นำจากพระเจ้า
มีอะไรที่จะสำคัญในตัวผู้นำมากไปกว่าการแสวงหาการชี้นำจากพระเจ้าหรือไม่? สุภาษิต 16:1 กล่าวว่า “แผนงานความคิดเป็นของมนุษย์ แต่คำตอบของลิ้นมาจากพระยาห์เวห์” (มตฐ.) ในข้อที่ 3 “จงมอบการงานของเจ้าไว้กับองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วพระองค์จะทรงรับรองแผนงานของเจ้า” (อมธ.) และข้อ 9 “มนุษย์วางแผนงานอยู่ในใจ แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดแต่ละย่างก้าวของเขา” (อมธ.) ผู้นำที่ดีแสวงหาพระเจ้า มอบทางของเขาไว้กับพระองค์ และพระเจ้าทรงกำหนดขั้นตอนย่างก้าวต่อไปสำหรับเขา
[2] ผู้นำที่ดีต้องไม่หยิ่งผยอง
เราทุกคนคงเคยเจอผู้นำที่รอบรู้ หรือ อวดรู้ไปเสียทุกเรื่อง เป็นผู้นำประเภท “รู้แล้ว รู้แล้ว” แต่พระธรรมสุภาษิต 16:5 กล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงชิงชังทุกคนที่มีใจหยิ่งผยอง…” (อมธ.) ท่านคิดอย่างไรผมไม่ทราบ แต่ส่วนตัวแล้วผมไม่ต้องการเป็นผู้นำที่พระเจ้า “ชิงชัง” นั่นเป็นสิ่งที่น่ากลัวทีเดียว
[3] ผู้นำที่ดีคือผู้สร้างสันติ
ในสุภาษิต 16:7 บอกไว้ว่า “เมื่อวิถีทางของผู้ใดเป็นที่พอพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้า แม้แต่ศัตรู พระองค์ก็ยังทรงทำให้คืนดีกับเขา” (อมธ.) แต่ทว่าผู้นำจำนวนมากไม่สนใจที่จะตรวจสอบความคิดเห็นหรือแนวคิดของตนที่ตรงกันข้ามกับคนอื่น เราจึงสูญเสียความสามารถในการเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และการประนีประนอมกลายเป็นคำพูดที่ถูกมองในแง่ร้าย มีบางอย่างที่ต้องพูดถึงการยึดมั่นในหลักการ ผมเชื่อว่าพระเจ้าทรงเรียกเราให้แน่วแน่มั่นคง
[4] ผู้นำที่ดีนั้นยุติธรรมและเที่ยงตรง
“ได้มาเล็กน้อยด้วยความชอบธรรม ดีกว่าได้มามากมายด้วยความอยุติธรรม” (สุภาษิต 16:8 อมธ.) ผมเชื่อในเรื่องเป้าหมาย และจะทุ่มเททำงานหนักเพื่อบรรลุเป้าหมาย แต่มิใช่การกระทำทุกอย่างจะถูกต้องเสมอไป ผู้นำที่ดีในพระเจ้า ต้องใส่ใจในการกระทำในแนวทางที่ถูกต้อง
[5] ผู้นำที่ดีห้อมล้อมด้วยที่ปรึกษาที่ซื่อสัตย์และเชื่อถือได้…แล้วผู้นำคนนั้นฟังที่ปรึกษา
“เหล่ากษัตริย์ทรงชื่นชมวาจาอันซื่อตรง ทรงรักผู้ที่พูดความจริง” (สุภาษิต 16:13 อมธ.) ท่านรู้จักผู้นำที่ห้อมล้อมตนด้วยลูกน้องประเภท “ขอรับหัวหน้า” ไหม? ความไม่มั่นคงส่วนบุคคลผลักดันให้พวกเขาแสวงหาการสนับสนุนในการยอมรับตนสำหรับการตัดสินใจทุกอย่างที่พวกเขาทำ ผู้นำที่ฉลาดจะห้อมล้อมตนเองด้วยคนที่ฉลาดกว่า ซึ่งเต็มใจที่จะพูดความคิดของตนและเสนอคำปรึกษาที่ดีแก่ผู้นำ เหนือสิ่งอื่นใด “ขาดคำปรึกษาแผนงานต่างๆ ก็ล้มเหลว แต่มีที่ปรึกษาหลายคนทำให้ประสบผลสำเร็จ” (สุภาษิต 15:22 อมธ.)
(6) ผู้นำที่ดีคือผู้เรียนรู้ที่เยี่ยมยอด
สุภาษิต 16:16 “ได้สติปัญญาดีกว่าได้ทองคำ ได้ความเข้าใจดีกว่าได้เงิน!” (อมธ.) ผู้นำที่ดีควรเรียนรู้ เติบโต และปรับปรุงตนเองอยู่เสมอ วันใดที่ท่านรู้สึกว่าไม่มีอะไรเหลือให้เรียนรู้แล้ว คือวันที่ความยโสโอหังและความเย่อหยิ่งหยั่งรากลงในชีวิตของท่าน และเราได้กล่าวมาก่อนหน้านี้แล้วว่า พระเจ้ารู้สึกอย่างไรกับคนที่ความเย่อหยิ่งโอหัง
[7] ผู้นำที่ดีย่อมเป็นคนถ่อม
เราได้เห็นตัวอย่างที่เด่นชัดนับครั้งไม่ถ้วนที่ว่า “ความยโสโอหังจะทำให้พินาศ และใจหยิ่งผยองจะทำให้ล้มคว่ำ” (สุภาษิต 16:18 อมธ.) จากนักการเมืองและคนดัง ไปจนถึงซีอีโอและศิษยาภิบาล หลายคนตกเป็นข่าวดัง เมื่ออาณาจักรของพวกเขาล่มสลาย ในหลายกรณี ความหยิ่งผยองพองโตที่พุ่งออกมา เพราะพวกเขาคิดว่า ตัวเองจะคงอยู่ยั้งยืนยง แต่กลับพบว่าไม่มีใครเป็นเช่นนั้น สุภาษิตบอกเราว่า “มีใจถ่อมอยู่ในหมู่คนแร้นแค้น ดีกว่าแบ่งของที่ริบมาได้กับคนเย่อหยิ่ง” (16:19 อมธ.)
[8] ผู้นำที่ดีคือคนมีสติปัญญาและเมตตา
“ความสุขุมรอบคอบเป็นน้ำพุแห่งชีวิตสำหรับผู้เป็นเจ้าของ แต่ความโง่เขลานำโทษทัณฑ์มาให้คนโง่ ใจของคนฉลาดทำให้เขาระวังปาก และริมฝีปากของเขาส่งเสริมการสั่งสอน” (สุภาษิต 16:22-23 อมธ.) ความฉลาดและการมีเหตุผลทำให้ผู้นำที่ดีโน้มน้าวใจผู้คนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผู้นำที่ดีใช้ “ถ้อยคำที่อ่อนโยน” (ข้อ 24) จะไม่ใช้ “วาจาที่เหมือนไฟแผดเผา” (ข้อ 27 อมธ.)
[9] ผู้นำที่ดีย่อมโกรธช้า
เราต่างเคยเห็นการ์ตูนล้อเลียน ภาพยนตร์ และโทรทัศน์ ถึงเรื่องเจ้านายผู้โกรธเกรี้ยว คนที่โวยวายโดยไม่มีเหตุผล ต่อว่ารุนแรง ด่าทอ สบประมาทพนักงาน บางทีท่านอาจเคยทำงานให้แก่คนแบบนี้ด้วยซ้ำ แต่พระคัมภีร์บอกแก่เราว่า “บุคคลผู้โกรธช้าก็ดีกว่าคนมีกำลังมาก และบุคคลผู้ปกครองจิตใจตนเองก็ดีกว่าผู้ที่ตีเมืองได้” (16:32 มตฐ.)
ในขณะที่ท่านอ่านคุณลักษณะของผู้นำที่ดีเหล่านี้ ท่านได้พบว่า คุณลักษณะเหล่านี้มีความท้าทายต่อท่าน พระเจ้าบอกเราถึงวิธีที่จะเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพและเป็นผู้นำในพระเจ้า มันขึ้นอยู่กับเราว่า เราจะยอมละทิ้งแนวทางของมนุษย์และยอมรับหลักการเหล่านี้ของพระเจ้า นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับเราที่จะอธิษฐานเผื่อคนที่เรารับใช้ ให้พวกเขาเป็นผู้นำที่ดีตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประสงค์
เอมมาอูส